SCGP Newsroom

Fest Woodenware ชุดช้อนส้อมมีดไม้จากเฟสท์ สะอาด ปลอดภัย ดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ข่าว

Fest Woodenware ชุดช้อนส้อมมีดไม้จากเฟสท์ สะอาด ปลอดภัย ดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

Loading Data...
“ช้อนส้อม” อุปกรณ์ที่ทุกคนต้องใช้ในการรับประทานอาหารทุกมื้อ และหากเราเลือกสั่งอาหารแบบกลับบ้าน (Takeaway) ภาพที่เราคุ้นเคยของช้อนส้อมที่ร้านอาหารให้มาเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับประทาน มีกลุ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมค่อนข้างน้อย แต่ปัจจุบันกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ผู้คนเริ่มตระหนักถึงปัญหานี้ ช้อนส้อมไม้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจของร้านอาหาร ที่ต้องการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ

Fest Woodenware ถูกออกแบบให้มีรูปทรงมากถึง 3 แบบ 3 สไตล์ ภายใต้คอนเซปต์ International Cuisine ที่มีความแตกต่างกันตามวัฒนธรรมการกินของแต่ละชนชาติ ได้แก่ จีน เกาหลี และตะวันตก ซึ่งแต่ละชาติมีสไตล์ช้อน ส้ม และมีด ที่มีรูปทรงและรูปแบบการใช้งานแตกต่างกัน โดย Fest ถือเป็นผู้ผลิตเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทยที่สามารถผลิตช้อน ส้อม และมีดไม้เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันได้อย่างครอบคลุม

  • ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เสริมจากการปลูกไม้ในพื้นที่ว่าง
  • ผลิตจากไม้ท้องถิ่นในไทยและโตเร็ว (ภายใน3 – 5 ปี) เป็นไม้ที่มาจากป่าปลูกหมุนเวียนเชิงพาณิชย์ สามารถปลูกหมุนเวียนทดแทนได้
  • แข็งแรง ทนทาน ใช้งานกับอาหารได้ทุกประเภท
  • สะอาดปลอดภัย สัมผัสอาหารได้โดยตรง และไม่มีสารอันตราย
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้ 100%
  • ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับสากล (BRC)
  • ออกแบบรูปทรงได้หลากหลาย สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์
  • มีบริการพิมพ์โลโก้ และจัดชุดเซ็ตสินค้าตามที่ต้องการได้
  • ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและพัฒนามาเพื่อผลิตได้กับไม้หลากหลายประเภท
    กำลังการผลิต 200 ล้านชิ้น/ปี

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Loading Data...

“ตลาดนำ- นวัตกรรมเสริม” โอกาสสร้างรายได้ยั่งยืน “ไม้เศรษฐกิจโตเร็ว”

ในงานเสวนาวิชาการเรื่อง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ด้วยไม้เศรษฐกิจโตเร็ว” จัดขึ้น ณ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เครือข่ายการปลูกและการจัดการไม้เศรษฐกิจโตเร็ว ที่ร่วมเสวนา ต่างประสานเสียงตรงกันว่า “ไม้เศรษฐกิจโตเร็ว” (อายุรอบตัดไม่เกิน 7 ปี อัตราเติบโตเส้นผ่าศูนย์กลาง มากกว่า 1.5 เซนติเมตรต่อปี) ยังเต็มไปด้วยประโยชน์ และโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ปลูก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย และผู้คนในห่วงโซ่อุปทาน จากความต้องการทางการตลาดที่มีอยู่มากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกระแสแรงในขณะนี้คือการนำมาแปรรูปเป็น “สินค้ารักษ์โลก” ทดแทนการใช้วัตถุดิบที่มีฐานมาจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ตามเมกะเทรนด์ลดโลกร้อน ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค และกติกาการค้าโลกให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม การจะประสบความสำเร็จในการดำเนินการดังกล่าวได้นั้น จำเป็นที่จะต้องใช้ “การตลาดนำ” และ “นวัตกรรมเสริม” นั่นคือ การปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วให้ตรงตามความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้คุณภาพที่ตลาดต้องการ โดยเฉพาะยูคาลิปตัส และยางพารา ซึ่งเป็นสองไม้เศรษฐกิจโตเร็วที่ขับเคลื่อนตลาดไม้เศรษฐกิจโตเร็วในไทยอยู่ในขณะนี้ ทำให้ “ผลตอบแทนการลงทุน” สูงขึ้น เมื่อเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ย่อมเกิดแรงจูงใจในการขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีพื้นที่ปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วทั่วประเทศไม่เกิน 5 ล้านไร่  และทำให้เกิด “การลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง” ตามมา

นายมหาศาล ธีรวรุตม์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามฟอเรสทรี จำกัด ใน SCGP ผู้ส่งเสริมปลูกไม้ยูคาลิปตัส ตรา คู่ดิน by SCGP สะท้อนศักยภาพไม้เศรษฐกิจโตเร็วว่า ปัจจุบันตลาดไม้เศรษฐกิจโตเร็วมีการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้น จากการนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรป เช่น ชาม ช้อน ส้อมที่ผลิตจากไม้ เสื้อผ้าที่ผลิตจากเยื่อไม้ ขวดน้ำที่ผลิตจากเยื่อไม้แทนขวดพลาสติก PET หลังคาที่ใช้เยื่อไม้เป็นวัตถุดิบในการผลิต (Wood for construction) รวมถึงการนำเยื่อไม้มาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตยา เป็นต้น และเห็นว่ายังมีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็น “Bio-based” อื่นๆ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง  

“ที่ผ่านมาบริษัทฯ ทำเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ยูคาลิปตัสอย่างต่อเนื่อง ให้มีคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อพืชต่าง ๆ ที่ปลูกร่วมกัน และให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และฤดูกาลต่าง ๆ ในประเทศไทย ส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยปลูกต้นกล้ายูคาลิปตัสก่อนจะรับซื้อคืนเพื่อนำมาเข้าสู่โรงงานผลิตเยื่อในกลุ่มบริษัท โดยเห็นว่ายูคาลิปตัส ถือเป็นไม้เศรษฐกิจโตเร็วที่เป็นไม้หลักของไทย โดย 70-80% ปลูกจากเกษตรกรรายย่อย ที่มีพื้นที่ 5-10 ไร่ จึงถือเป็นความท้าทายที่จะเพิ่มพื้นที่การปลูกเป็นแปลงใหญ่ที่มีพื้นที่ 50 ไร่ขึ้นไป เพื่อทำให้เกิด Economy of scale”    

ทั้งนี้เห็นว่า ภาครัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกัน “ส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็ว” ให้มากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้ประโยชน์ที่มากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการกำหนดโซนนิ่งพื้นที่การใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็ว การออกกฎหมายที่สนับสนุนการใช้ประโยชน์ไม้มากขึ้น เช่น ลดภาษี หรือให้แรงจูงใจอื่น ๆ  การสร้างความเข้าใจ และการรับรู้ประโยชน์จากการปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วว่าการใช้ผลิตภัณฑ์จากไม้ไม่ได้เป็นการทำลายป่า แต่ยิ่งช่วยสร้างป่าให้เพิ่มขึ้น (ยิ่งใช้ยิ่งปลูก) การสร้างความร่วมมือในการพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับภาครัฐ และการผลักดันโครงการปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วร่วมกับพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ (วนเกษตร) เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดในการใช้พื้นที่ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เสริมระหว่างรอรอบตัดไม้เศรษฐกิจโตเร็ว  

นายประมวล ประทุม ที่ปรึกษาบริษัท สยามทรีดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด ระบุว่า ยูคาลิปตัสยังมีตลาดที่ชัดเจน แต่ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ผลผลิตต่อไร่จึงจะสูงขึ้น และต้องพัฒนาการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มมูลค่าของไม้ยูคาลิปตัส
“บางคนบอกว่ายูคาลิปตัสไม่มีอนาคต ไม่จริง อยู่ที่การดูแลพื้นที่มากกว่า อย่ามองยูคาลิปตัสไม่ดี ทั้งที่จริง ๆ ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้  ต้องปรับมุมมองไปที่การบริหารจัดการ ตอนนี้ภาพรวมการใช้ไม้ยูคาลิปตัสในไทยอยู่ที่ 5-6 ล้านตันต่อปี มีการส่งออกไปที่ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย ปี 2566 มีการส่งออก 5.17 ล้านตัน” 
นายวัฒนพงศ์ ทองสร้อย ผู้แทนสมาคมการค้าชีวมวลไทย เผยถึงสถานการณ์ไม้พลังงานว่า ในระยะยาวตลาดไม้พลังงานในไทย ซึ่งปัจจุบันมากกว่า 50% เป็นไม้ยางพารา จะถูกขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายความเป็นกลางด้านคาร์บอน (Carbon neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งเป็นเป้าหมายระดับโลกเพื่อลดการใช้ฟอสซิล จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดไม้พลังงาน ซึ่งไทยมีจุดแข็งเนื่องจากมีวัตถุดิบค่อนข้างมาก และเป็นพื้นที่โซนร้อนทำให้ไม้โตเร็ว 
อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการปลูกและการตลาดที่ดี โดยต้องปลูกในพื้นที่แปลงใหญ่ ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงสุดถึง 20% และควรมีการพัฒนาไปพร้อมกันระหว่างผู้ปลูก ผู้แปรรูป และผู้ส่งออก ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ต้องหลากหลาย และมีงานวิจัยรองรับในหลากมิติมากขึ้น เช่น มิติด้านการโลจิสติกส์
นายสำราญ หาญทะเล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มกิตติวนา มองว่า การปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วเป็นการสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่เกษตรกร และทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากไม้ที่หลากหลายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นว่าปัจจุบันได้พัฒนาสายพันธุ์ยูคาลิปตัสอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นเป็น 20-25 ตัน โดยใช้เวลาปลูก 4 ปีครึ่ง ไม่เหมือนยูคาลิปตัสสายพันธุ์ดั้งเดิม (เพาะเมล็ด) ที่ให้ผลผลิตต่อไร่เพียง 8-10 ตัน และต้องใช้ระยะเวลาปลูกนานถึง 8-10 ปี ดังนั้นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดจึงเป็นสิ่งที่คนในอุตสาหกรรมนี้ต้องไม่มองข้าม   

นายประจักษ์ รื่นฤทธิ์ ผู้แทนจากบริษัท SilviCarbon Agroforestry จำกัด ให้ทัศนะว่า การปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วที่เหมาะสมสำหรับผู้ปลูกและผู้นำไม้ไปแปรรูปนั้น จำเป็นต้องใช้นวัตกรรมด้านต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงพัฒนาและคัดเลือกพันธุ์ การผลิตกล้าไม้ การปลูกดูแลรักษา การใช้ประโยชน์ไม้ การตลาด และภาคการเงิน ซึ่งต้องมีการพัฒนาทุก ๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง

รศ.ดร.นพรัตน์ คัคคุริวาระ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มองว่าเทคโนโลยีในการปลูกและจัดการไม้เศรษฐกิจโตเร็วควรต้องตอบโจทย์ผู้ปลูก โดยผู้ปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วในไทยมากกว่า 70% เป็นเกษตรกรรายย่อย ดังนั้นเทคโนโลยีจะต้องเข้าถึงง่าย สะดวกต่อการใช้งาน มีขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายง่าย และราคาเข้าถึงได้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการจัดการป่าเศรษฐกิจโตเร็วในวงกว้าง 

นายณัฐณรงค์ เอี่ยมมี ผู้จัดการบริษัททรีเทคโนโลยี จำกัด เสนอแนะว่า การปลูกยูคาลิปตัสบนคันนาเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยคันนาที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จำนวนมาก หากปรับให้กว้าง 1.5-3 เมตร แล้วปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วบนคันนา 80-200 ต้นต่อไร่ เวลา 6 ปี เกษตรกรจะสร้างรายได้ไร่ละ 24,000-40,000 บาท  อย่างไรก็ตามต้องดูแลและจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้คุณภาพตามความต้องการของตลาด ดังนั้นเห็นว่าการสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐมีความสำคัญ อาทิ การสนับสนุนทางการเงิน และองค์ความรู้ด้านการจัดการไม้เศรษฐกิจโตเร็วเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

และทั้งหมดนี้คือการสะท้อนศักยภาพของไม้เศรษฐกิจโตเร็วจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากเครือข่ายการปลูกและการจัดการไม้เศรษฐกิจโตเร็ว ที่ต่างมองเห็น “โอกาส” ในการพัฒนาไม้เศรษฐกิจโตเร็ว ทั้งในด้านการขยายพื้นที่ปลูกเป็นแปลงใหญ่ ใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพื่อให้ไม้เศรษฐกิจโตเร็วมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้นในอนาคต

SCGP ทำกำไรไตรมาสแรก 1,725 ล้านบาท เดินหน้ากลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

SCGP เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของปี 2567 ทำรายได้จากการขาย 33,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 และกำไรสำหรับงวด 1,725 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 41 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ศักยภาพการบริหารต้นทุน การปรับพอร์ตสินค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น เดินแผนขยายการลงทุน M&P พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง

 

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ภาคการผลิต การส่งออก การท่องเที่ยวของไทยที่ดี ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น โดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรมียอดขายเติบโตทุกกลุ่มสินค้า และเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของบรรจุภัณฑ์สินค้าคงทน เช่น เสื้อผ้า รองเท้า จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการในประเทศและการส่งออกในบางพื้นที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียใต้ ส่วนธุรกิจเยื่อและกระดาษ มียอดขายบรรจุภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้นจากปัจจัยการท่องเที่ยวฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ความต้องการบรรจุภัณฑ์บางส่วนได้รับผลกระทบจากวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ของประเทศจีนและประเทศเวียดนาม และอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ชะลอตัว รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้น ต้นทุนด้านพลังงานอยู่ในระดับทรงตัว ขณะที่ค่าขนส่งปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและเริ่มลดลงในช่วงครึ่งหลังของไตรมาส SCGP จึงได้มุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ด้วยการปรับพอร์ตสินค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างรอบคอบเพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทานเชิงกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพ

 

ไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 SCGP มีรายได้จากการขาย 33,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นทั้งสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ มี EBITDA 5,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสำหรับงวด 1,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการดำเนินงานตามกลยุทธ์การเติบโต การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนด้วยการนำ Machine Learning และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ในกระบวนการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ และการบริหารต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพในภูมิภาคด้วยเครือข่ายจัดหาวัตถุดิบที่ครอบคลุมในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย รวม 155 แห่ง เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น 

 

ทั้งนี้ SCGP ได้วางงบลงทุน Merger & Partnership (M&P) 10,000 ล้านบาท ในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโต เช่น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ฯลฯ เพื่อรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาคการผลิตและส่งออก จากงบลงทุนรวมปีนี้ 15,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาดีลที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ 

 

สำหรับการเติบโตผ่านการขยายกำลังการผลิต ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา SCGP ประสบความสำเร็จในการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกในจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรปราการ โดยมีกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 75,000 ตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 9 ของกำลังการผลิตเดิมในประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีการผลิตและการพิมพ์ที่ทันสมัย เช่น ระบบหุ่นยนต์ (Robotic) ระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) และแอปพลิเคชันสำหรับการพิมพ์ ฐานการผลิตแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ใกล้กับฐานการผลิตสินค้าแช่แข็งส่งออก ทำให้สามารถรองรับและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เพิ่มขึ้น และช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านต้นทุนค่าขนส่ง 

 

SCGP ยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และวางกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรับมือต้นทุนวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ผันผวน และการนำ Machine Learning และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ขยายใช้ในกระบวนการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่โรงงานในประเทศอินโดนีเซียและประเทศเวียดนามเพิ่มเติม รวมถึงมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 เพื่อร่วมลดคาร์บอนตามกรอบแนวคิด ESG

 

ล่าสุด SCGP ได้รับการประเมินการดำเนินงานด้าน ESG รวม 85 คะแนนจาก S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) และรักษาตำแหน่งอยู่ในกลุ่มท็อป 1% แรกของโลกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งมาจากความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน และได้รับรางวัล Best Green Loan สาขา Sustainable Finance จากงาน The Asset Triple A Awards ปี 2024 โดย The Asset นิตยสารทางการเงินชั้นนำของเอเชีย จากการสนับสนุน Green Loan โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เพื่อลงทุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด ESG
 

งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

คลิกเพื่อดาวน์โหลด

https://investor.scgpackaging.com/storage/content/downloads/shareholders-meetings/2024/20240327-scgp-statement-financial-position.pdf

งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

รายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตต่องบการเงินอย่างย่อ

เสนอ  ผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)

ความเห็น

งบการเงินอย่างย่อประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 งบกำไรขาดทุนและงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน ซึ่งนำมาจากงบการเงินที่ตรวจสอบแล้วของบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566

ข้าพเจ้าเห็นว่า งบการเงินอย่างย่อนี้มีความสอดคล้องในสาระสำคัญกับงบการเงินที่ตรวจสอบแล้วตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อประกาศงบการเงินอย่างย่อในหนังสือพิมพ์

งบการเงินอย่างย่อ

งบการเงินอย่างย่อไม่ได้รวมการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดตามที่กำหนดในมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่ใช้ในการจัดทำงบการเงินที่ตรวจสอบแล้วของบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ดังนั้น การอ่านงบการเงินอย่างย่อและรายงานของผู้สอบบัญชีไม่สามารถแทนการอ่านงบการเงินที่ตรวจสอบแล้วและรายงานของผู้สอบบัญชีได้

งบการเงินที่ตรวจสอบแล้วและรายงานของข้าพเจ้าต่องบการเงินดังกล่าว

ข้าพเจ้าได้แสดงความเห็นอย่างไม่มีเงื่อนไขต่องบการเงินที่ตรวจสอบแล้วตามรายงานลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567
ซึ่งรายงานดังกล่าวรวมถึงการสื่อสารเรื่องสำคัญในการตรวจสอบ เรื่องสำคัญในการตรวจสอบคือเรื่องต่างๆ ที่มีนัยสำคัญที่สุดในการตรวจสอบงบการเงินสำหรับงวดปัจจุบันตามดุลยพินิจเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพของข้าพเจ้า

ความรับผิดชอบของผู้บริหารต่องบการเงินอย่างย่อ

ผู้บริหารมีหน้าที่ในการจัดทำงบการเงินอย่างย่อตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อประกาศในหนังสือพิมพ์

ความรับผิดชอบของผู้สอบบัญชี

ข้าพเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบในการแสดงความเห็นต่องบการเงินอย่างย่อว่าสอดคล้องในสาระสำคัญกับงบการเงิน
ที่ตรวจสอบแล้วหรือไม่ จากการปฏิบัติงานของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการสอบบัญชี รหัส
810 (ปรับปรุง)
“งานการรายงานต่องบการเงินอย่างย่อ”

(พรทิพย์ ริมดุสิต)

ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต

เลขทะเบียน 5565

บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด

กรุงเทพมหานคร

13 กุมภาพันธ์ 2567

ประกาศการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 (ลงวันที่ 10 – 12 เม.ย. 2567)

คลิกเพื่อดาวน์โหลด

https://investor.scgpackaging.com/storage/content/downloads/shareholders-meetings/2024/20240327-scgp-dividend-payment-shareholders.pdf

 

ประกาศ

เรื่อง  การจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น

   ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 (ครั้งที่ 31) ของบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) เมื่อวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 โดยจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้น ตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันพุธที่ 3 เมษายน 2567 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันอังคารที่ 2 เมษายน 2567) โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567 และให้รับเงินปันผลภายใน 10 ปี  

 

                                                                                     จึงประกาศมาเพื่อทราบ

                                                                             บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)

                                                                                (ลงวันที่ 10 – 12 เมษายน 2567)

SCGP จับมือ ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล นำกระดาษกลับสู่กระบวนการรีไซเคิล สร้างคุณค่าตามหลัก Circular Economy

SCGP นำโดย คุณพีรพงษ์ เทพวรินทร์ Manager – Recycling Solutions (รักษาการแทน Director – Recycling Materials Management) ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด หรือ TBR โดย คุณบุญเอนก วรรณพานิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง “การเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษหลังการใช้งาน นำมารีไซเคิลอย่างเป็นระบบ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” โดย SCGP จะนำวัสดุบรรจุภัณฑ์กระดาษหลังการบริโภคของ TBR กลับคืนสู่กระบวนการผลิตทั้งหมด เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 ณ อาคารเล้าเป้งง้วน ชั้น 32

 

ความร่วมมือครั้งนี้ สะท้อนถึงความไว้วางใจของ TBR หนึ่งในผู้นำด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคในประเทศไทยนธมิตรในการให้ SCGP ร่วมบริหารจัดการการเก็บบรรจุภัณฑ์กระดาษ เพื่อส่งเข้าสู่รีไซเคิลอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดย SCGP ยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือ ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าและผู้บริโภคให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคำนึงถึงการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผสานกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยยกระดับกระบวนการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อให้ธุรกิจเติบโตควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
 

SCGP ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ สร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างไทยกับเซเนกัล นำนักธุรกิจศึกษาดูงานบรรจุภัณฑ์ แสดงศักยภาพภาคเอกชนไทย

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา SCGP ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ ต้อนรับนักธุรกิจชาวเซเนกัลและแกมเบีย จำนวน 20 ท่าน ที่สนใจศึกษาดูงานและเจรจาธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดยมี คุณจุฑามาศ สายัมพล Manager – Creative Design Management- Inspired Studio and Packaging Solutions, SCGP เป็นวิทยากรบรรยายธุรกิจ และให้ความรู้พื้นฐานเรื่องบรรจุภัณฑ์ โซลูชัน และศักยภาพของ SCGP ในการตอบโจทย์การเติบโตสู่ตลาดสากล

 

“เซเนกัลเป็นประเทศเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูง ในด้านเศรษฐกิจเป็นประเทศกำลังพัฒนา และมีผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมาก จึงต้องการนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ของ SCGP นี่จึงเป็นโอกาสสําหรับทั้งเซเนกัลและไทย ที่จะเพิ่มการค้าและการลงทุนซึ่งกันและกัน” คุณปภาดา ภัคดีธนากุล, เลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์

 

“นวัตกรรมต่าง ๆ ที่นำเสนอใน SCGP Inspired Solutions Studio แห่งนี้ มีประโยชน์มากมายต่อความยั่งยืนของตลาดในเซเนกัล อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย พวกเราชื่นชอบและประทับใจมาก โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์อาหารซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างมากในประเทศของเรา ที่จะช่วยให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้สิ่งที่ฉันประทับใจก็คือระบบการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์กระดาษ แล้วนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้งของ SCGP” Mr. Abdourahman Jallow, CEO – Afro Express, Gambia
 

หนังสือนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 (ครั้งที่ 30) บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)

หนังสือนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 (ครั้งที่ 30)

บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)

https://investor.scgpackaging.com/storage/content/downloads/shareholders-meetings/2023/20230223-scgp-agm2023-invitation-th.pdf 

เรื่อง            กำหนดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 (ครั้งที่ 30)

เรียน           ท่านผู้ถือหุ้น

สิ่งที่ส่งมาด้วย  

1.  รายงานประจำปี 2565 (แบบ 56-1 One Report) และรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี 2565 ในรูปแบบรหัสคิวอาร์ (QR Code)

2.  ข้อมูลของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการแทนกรรมการที่ครบกำหนดออกจากตำแหน่งตามวาระ

3.  ข้อมูลของผู้สอบบัญชีที่ได้รับการเสนอชื่อประจำปี 2566

4.  ข้อมูลของกรรมการอิสระที่บริษัทเสนอเป็นผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้น

5.  ข้อบังคับบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้ถือหุ้น

6.  การออกเสียงลงคะแนนในการประชุมผู้ถือหุ้น การนับคะแนนเสียง และแจ้งผลการนับคะแนน

7.  การใช้รหัสคิวอาร์ (QR Code) สำหรับดาวน์โหลดเอกสารการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566

8.  แบบฟอร์มคำถามล่วงหน้าตามวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566

9.  แผนที่สถานที่ประชุม โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก 

10. เอกสารที่ต้องแสดงก่อนเข้าประชุมและเอกสารประกอบการมอบฉันทะ และหนังสือมอบฉันทะตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์กำหนด แบบ ก แบบ ข และแบบ ค

11. แบบขอรับหนังสือนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 และ/หรือ หนังสือรายงานประจำปี 2565 และ/หรือ รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี 2565

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันอังคารที่ 24 มกราคม 2566 มีมติอนุมัติให้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 (ครั้งที่ 30) ในวันอังคารที่ 28 มีนาคม 2566 เวลา 14.30 น. ห้องแอทธินี คริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เลขที่ 61 ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 เพื่อพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบวาระพร้อมด้วยความเห็นของคณะกรรมการดังนี้

วาระที่ 1:     รับทราบรายงานกิจการประจำปี 2565

ความเห็นคณะกรรมการ    เห็นสมควรเสนอรายงานกิจการประจำปี 2565 ซึ่งสรุปผลการดำเนินงานและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในรอบปี 2565 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นรับทราบ

วาระที่ 2:     พิจารณาอนุมัติงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565

ความเห็นคณะกรรมการ เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านการตรวจสอบและลงนามรับรองโดยผู้สอบบัญชี และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว

วาระที่ 3:     พิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรประจำปี 2565

ความเห็นคณะกรรมการ    เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 ให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท ในวันที่ 24 เมษายน 2566

วาระที่ 4:     พิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ครบกำหนดออกจากตำแหน่งตามวาระ

ความเห็นคณะกรรมการ    เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งพันตำรวจเอก ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม นางไขศรี เนื่องสิกขาเพียร ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ และนายธีรพงศ์ จันศิริ เป็นกรรมการของบริษัทต่อไปอีกวาระหนึ่ง โดยนางไขศรีฯ และศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ฯ มีคุณสมบัติเป็นกรรมการอิสระ

วาระที่ 5:      พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและกำหนดค่าสอบบัญชีประจำปี 2566

ความเห็นคณะกรรมการ    เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นแต่งตั้งนางสาวสุรีย์รัตน์ ทองอรุณแสง หรือ นางสาวพรทิพย์ ริมดุสิต หรือนายทรงชัย วงศ์พิริยาภรณ์ แห่งบริษัทเคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด เป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท และอนุมัติค่าสอบบัญชีประจำปี 2566 จำนวน 2,675,000 บาท ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบเสนอ

วาระที่ 6:     พิจารณาอนุมัติค่าตอบแทนกรรมการบริษัทและกรรมการชุดย่อยประจำปี 2566

ความเห็นคณะกรรมการ    เสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติให้คงค่าตอบแทนกรรมการบริษัทและกรรมการชุดย่อยประจำปี 2566 ตามหลักเกณฑ์และอัตราเดิมที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติไว้ ตามที่คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและสรรหาเสนอ

วาระที่ 7:     พิจารณาอนุมัติการแก้ไขข้อบังคับของบริษัท

ความเห็นคณะกรรมการ    เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาแก้ไขข้อบังคับของบริษัทข้อ 8, 21, 25, 29, 36, 39 และ 42 เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและสรรหาเสนอ

จึงขอเรียนเชิญผู้ถือหุ้นร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 (ครั้งที่ 30) ในวันอังคารที่ 28 มีนาคม 2566 เวลา 14.30 น. ห้องแอทธินี คริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เลขที่ 61 ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 ตามแผนที่สถานที่ประชุม ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 9 บริษัทจะเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นตั้งแต่เวลา 12.30 น.   

สำหรับผู้ถือหุ้นท่านใดที่ประสงค์จะแต่งตั้งบุคคลอื่นเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนในการประชุมครั้งนี้ โปรดกรอกรายละเอียดและลงนามในหนังสือมอบฉันทะแบบ ก หรือ แบบ ข หรือแบบ ค (แบบ ค ใช้เฉพาะกรณีผู้ถือหุ้นเป็นผู้ลงทุนต่างประเทศและแต่งตั้งให้ Custodian ในประเทศไทยเป็นผู้รับฝากและดูแลหุ้น) ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 10 หรือสามารถดาวน์โหลดจาก www.SCGPackaging.com โดยให้เลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งตามที่ระบุไว้เท่านั้น

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นอาจพิจารณามอบฉันทะให้กรรมการอิสระของบริษัทเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนท่านได้เช่นกัน โดยท่านสามารถมอบฉันทะพร้อมกับระบุความประสงค์ในการลงคะแนนเสียงแต่ละวาระเพื่อให้กรรมการอิสระลงคะแนนเสียงตามความประสงค์ของท่านได้อย่างชัดเจน (โปรดใช้หนังสือมอบฉันทะแบบ ข) และบริษัทขอแจ้งรายชื่อกรรมการอิสระที่ไม่ได้ครบกำหนดออกตามวาระในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ตามรายชื่อดังต่อไปนี้   

1)  นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล

2)  นายชาลี       จันทนยิ่งยง

3)  นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ

4)  นายวนัส       แต้ไพสิฐพงษ์

5)  นายวิบูลย์     ตวงสิทธิสมบัติ

6 Posted inข่าวประชาสัมพันธ์, อัปเดตธุรกิจLeave a comment on หนังสือนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 (ครั้งที่ 30) บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)

หนังสือนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 (ครั้งที่ 31) บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)

หนังสือนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 (ครั้งที่ 31)

บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)

https://investor.scgpackaging.com/storage/content/downloads/shareholders-meetings/2024/20240223-scgp-agm2024-invitation-th.pdf

เรื่อง        กำหนดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 (ครั้งที่ 31)
เรียน        ท่านผู้ถือหุ้น
สิ่งที่ส่งมาด้วย    
1.    รายงานประจำปี 2566 (แบบ 56-1 One Report) และรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี 2566 ในรูปแบบรหัสคิวอาร์ (QR Code)
2.    ข้อมูลของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการแทนกรรมการที่ครบกำหนดออกจากตำแหน่งตามวาระ
3.    ข้อมูลของผู้สอบบัญชีที่ได้รับการเสนอชื่อประจำปี 2567
4.    ข้อมูลของกรรมการอิสระที่บริษัทเสนอเป็นผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้น
5.    ข้อบังคับบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้ถือหุ้น
6.    หลักฐานแสดงสิทธิการเข้าร่วมประชุม วิธีการมอบฉันทะ การยื่นแบบคำร้องเพื่อเข้าร่วมประชุม (E-Request) การออกเสียงลงคะแนน การนับคะแนนเสียง และแจ้งผลการนับคะแนน สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) 
7.    ขั้นตอนการยื่นแบบคำร้องเพื่อเข้าร่วมประชุม (E-Request) และการใช้งานระบบประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) 
8.    หนังสือมอบฉันทะแบบ ก และแบบ ข ตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์กำหนด 
9.    แบบฟอร์มคำถามล่วงหน้าตามวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567
10.  แบบขอรับหนังสือนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 และ/หรือ หนังสือรายงานประจำปี 2566 และ/หรือ รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี 2566
11.  แบบสำรวจผู้ถือหุ้นที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญ SCGP ในปี 2567-2568
12.  ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

          ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันอังคารที่ 23 มกราคม 2567 มีมติอนุมัติให้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 (ครั้งที่ 31) ในวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 เวลา 14.30 น. ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เพียงแบบเดียวเท่านั้น ตามข้อบังคับของบริษัทข้อ 21 และพระราชกำหนดว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 ตลอดจนกฎหมายและกฎระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบวาระพร้อมด้วยความเห็นของคณะกรรมการดังนี้
วาระที่ 1:    รับทราบรายงานกิจการประจำปี 2566
ความเห็นคณะกรรมการ เห็นสมควรเสนอรายงานกิจการประจำปี 2566 ซึ่งสรุปผลการดำเนินงานและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในรอบปี 2566 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นรับทราบ 
วาระที่ 2:    พิจารณาอนุมัติงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566
ความเห็นคณะกรรมการ เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านการตรวจสอบและลงนามรับรองโดยผู้สอบบัญชี และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว 
วาระที่ 3:    พิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรประจำปี 2566 
ความเห็นคณะกรรมการ  เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ในวันที่ 22 เมษายน 2567
วาระที่ 4:    พิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ครบกำหนดออกจากตำแหน่งตามวาระ
ความเห็นคณะกรรมการ  เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งนายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ และนายวิชาญ จิตร์ภักดี เป็นกรรมการของบริษัทต่อไปอีกวาระหนึ่ง และเสนอชื่อนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส เป็นกรรมการแทนนายชาลี จันทนยิ่งยง โดยนางศุภจีฯ มีคุณสมบัติเป็นกรรมการอิสระ
วาระที่ 5:     พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและกำหนดค่าสอบบัญชีประจำปี 2567
ความเห็นคณะกรรมการ  เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นแต่งตั้งนางสาวสุรีย์รัตน์ ทองอรุณแสง หรือ นางสาวพรทิพย์ ริมดุสิต หรือนายทรงชัย วงศ์พิริยาภรณ์ แห่งบริษัทเคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด เป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท และอนุมัติค่าสอบบัญชีประจำปี 2567 จำนวน 2,699,000 บาท ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบเสนอ
วาระที่ 6:    พิจารณาอนุมัติค่าตอบแทนกรรมการบริษัทและกรรมการชุดย่อยประจำปี 2567
ความเห็นคณะกรรมการ เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้คงค่าตอบแทนกรรมการบริษัทและกรรมการชุดย่อยประจำปี 2567 ตามหลักเกณฑ์และอัตราเดิมที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติไว้ ตามที่คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและสรรหาเสนอ

          จึงขอเรียนเชิญผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 (ครั้งที่ 31) ในวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 เวลา 14.30 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เพียงแบบเดียวเท่านั้น (บริษัทไม่มีการจัดห้องสำหรับการประชุม)* โดยบริษัทจะเปิดระบบให้ยื่นแบบคำร้องและเอกสารที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมประชุม ผ่าน E-Request ล่วงหน้าตั้งแต่วันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ และหลังจากที่บริษัทได้ตรวจสอบข้อมูลแบบคำร้องและอนุมัติคำร้องของท่านแล้ว ผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะที่ลงทะเบียนจะได้รับอีเมลแจ้งข้อมูล Username และ Password และลิงก์สำหรับใช้ลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมในวันประชุม (26 มีนาคม 2567) โดยจะเปิดระบบให้เริ่มลงทะเบียนเพื่อเข้าประชุมได้ในวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567ตั้งแต่เวลา 12.30 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะปิดการประชุม
 

ผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะสามารถเข้าใช้งาน E-Request ได้ที่ https://pro.inventech.co.th/SCGP169820R/#/homepage

 

          สำหรับผู้ถือหุ้นท่านใดที่ประสงค์จะแต่งตั้งบุคคลอื่นเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนในการประชุมครั้งนี้ โปรดกรอกรายละเอียดและลงนามในหนังสือมอบฉันทะแบบ ก หรือ แบบ ข ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 8 หรือสามารถดาวน์โหลดจาก www.scgpackaging.com โดยให้เลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งตามที่ระบุไว้เท่านั้น และโปรดยื่นแบบคำร้องและเอกสารที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมประชุม (E-Request) พร้อมส่งหนังสือมอบฉันทะและเอกสารประกอบตามที่กำหนดมายังบริษัทล่วงหน้าทางไปรษณีย์เพื่อให้บริษัทได้รับภายในวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 โดยบริษัทได้จัดเตรียมอากรแสตมป์สำหรับปิดในหนังสือมอบฉันทะเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือหุ้น  

          ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับหลักฐานแสดงสิทธิการเข้าร่วมประชุม วิธีการมอบฉันทะ การยื่นแบบคำร้องเพื่อเข้าร่วมประชุม (E-Request) และการออกเสียงลงคะแนน การนับคะแนนเสียง และแจ้งผลการนับคะแนน สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) ได้ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 6 รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการยื่นแบบคำร้องเพื่อเข้าร่วมประชุม (E-Request) และการใช้งานระบบประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) ได้ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 7 นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นอาจพิจารณามอบฉันทะให้กรรมการอิสระของบริษัทเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนท่านได้เช่นกัน โดยท่านสามารถมอบฉันทะพร้อมกับระบุความประสงค์ในการลงคะแนนเสียงแต่ละวาระเพื่อให้กรรมการอิสระลงคะแนนเสียงตามความประสงค์ของท่านได้อย่างชัดเจน (โปรดใช้หนังสือมอบฉันทะแบบ ข) และบริษัทขอแจ้งรายชื่อกรรมการอิสระที่ไม่ได้ครบกำหนดออกตามวาระในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ตามรายชื่อดังต่อไปนี้   
          1)    นายประสาร     ไตรรัตน์วรกุล
          2)    นางไขศรี    เนื่องสิกขาเพียร
          3)    นางผ่องเพ็ญ     เรืองวีรยุทธ
          4)    ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ 
          5)    นายวนัส     แต้ไพสิฐพงษ์
          6)    นายวิบูลย์     ตวงสิทธิสมบัติ

          ข้อมูลกรรมการอิสระที่บริษัทเสนอเป็นผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 4

          ผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะสามารถส่งคำถามล่วงหน้าก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นให้แก่บริษัทภายในวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 ตามช่องทางที่กำหนด (ตามแบบฟอร์มคำถามล่วงหน้า ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 9) โดยบริษัทจะรวบรวมคำถามและจะตอบคำถามในที่ประชุมเฉพาะที่เกี่ยวกับวาระการลงคะแนนโดยตรง สำหรับคำถามและข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีการตอบในที่ประชุม บริษัทจะสรุปประเด็นชี้แจงแนบท้ายรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งจะเผยแพร่ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ และเว็บไซต์ของบริษัทภายใน 14 วันนับแต่การประชุมเสร็จสิ้น

          บริษัทขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านเป็นอย่างสูงที่มีความเข้าใจและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านเป็นอย่างดีเช่นที่ผ่านมา

 

                                                                         ขอแสดงความนับถือ
                                                         กรุงเทพมหานคร วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567
                                                                    โดยคำสั่งของคณะกรรมการ 
                                                                        (นางสาววรารี โต๊ะเงิน)
                                                                             เลขานุการบริษัท

 

หมายเหตุ :    
1.    *การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ บริษัทมีสถานที่ควบคุมระบบการประชุม ที่อาคารอเนกประสงค์ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เลขที่ 1 ถนนปูนซิเมนต์ไทย แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร
2.    บริษัทได้จัดส่งแบบลงทะเบียนซึ่งได้พิมพ์ข้อมูลของท่านสำหรับใช้กรอกข้อมูลในขั้นตอนการยื่นแบบคำร้องเพื่อเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Request) พร้อมหนังสือเชิญประชุมฉบับที่ได้ส่งให้ท่านผู้ถือหุ้นทางไปรษณีย์แล้ว
3.    ผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะสามารถดูหนังสือนัดประชุมและเอกสารประกอบการประชุมในเว็บไซต์ของบริษัท (www.scgpackaging.com) และสามารถส่งคำถามเพื่อสอบถามข้อมูลในแต่ละวาระหรือข้อมูลอื่น ๆ ของบริษัทเป็นการล่วงหน้าผ่าน E-mail address: [email protected] หรือทางไปรษณีย์มายังสำนักงานเลขานุการบริษัท บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ชั้น 19 อาคารเอสซีจี 100 ปี เลขที่ 1 ถนนปูนซิเมนต์ไทย แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800 หรือส่งโทรสารไปยังหมายเลข 02-586-3007 โดยระบุที่อยู่หรือข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อได้อย่างชัดเจนเพื่อบริษัทจะติดต่อกลับได้
4.    ผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะต้องเตรียมอีเมลสำหรับยื่นแบบคำร้องเพื่อเข้าร่วมประชุม (E-Request) เพื่อรับ 1) ลิงก์สำหรับการลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม และ 2) Username และ Password สำหรับเข้าร่วมประชุม
5.    สิทธิในการเข้าร่วมประชุม และการลงคะแนนเสียงในการประชุมเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะ Username หนึ่งชื่อจะไม่สามารถใช้เข้าสู่ระบบ (log in) Inventech Connect เพื่อเข้าประชุมในเวลาเดียวกันจากอุปกรณ์ที่แตกต่างกันได้ ผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะจึงต้องใช้ Username และ Password เพื่อเข้าร่วมประชุมด้วยตนเองเท่านั้น และจะไม่มอบ Username และ Password ให้กับบุคคลใด ๆ  
6.    หากผู้ถือหุ้นมีความประสงค์จะขอรับเอกสารประกอบการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ของบริษัท กรุณากรอกรายละเอียดใน “แบบขอรับหนังสือนัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 และ/หรือ หนังสือรายงานประจำปี 2566 และ/หรือ รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี 2566” ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 10
7.    บริษัทได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวขึ้น เพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวมรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.scgpackaging.com
8.    บริษัทขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงวัน เวลา สถานที่ และ/หรือวิธีการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 (ครั้งที่ 31) เพิ่มเติมตามความเหมาะสม โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บริษัทจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ และเว็บไซต์ของบริษัท

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือพบปัญหาการใช้งานระบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) ติดต่อได้ที่ :
Call center
โทรศัพท์ : 02-931-9133 (ระหว่างวันที่ 19-26 มีนาคม 2567 เวลา 08.30 ¬– 17.30 น. เว้นวันหยุดราชการ)

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวาระการประชุมได้ที่ :
นางสาววรารี โต๊ะเงิน หรือ นางสาวกาญจนาภรณ์ พ่วงสุวรรณ หรือ นางสาวพิมพ์ชนก ณ พัทลุง
สำนักงานเลขานุการบริษัท บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)    
โทรศัพท์ 0-2586-5382 หรือ 0-2586-2855 หรือ 0-2586-3016 โทรสาร 0-2586-3007 
อีเมล [email protected]

“Anya Songkran Gift Set” ชุดบรรจุภัณฑ์ขันเงินใบเล็กและน้ำอบไทย ของขวัญแทนความประทับใจประจำเทศกาลสงกรานต์

เทศกาลสงกรานต์ หรือประเพณีวันขึ้นปีใหม่ไทย ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและชื่นฉ่ำหัวใจที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน เพราะจะมีการเล่นน้ำ ปะแป้ง สรงน้ำพระ รวมถึงเป็นโอกาสให้คนที่ทำงานไกลบ้านได้กลับมาหาครอบครัวหรือคนที่เรารัก 

 

อย่างไรก็ตามในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีอยู่หนึ่งกิจกรรมที่เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่จะต้องปฏิบัติ นั่นคือการรดน้ำดำหัวขอพรผู้หลักผู้ใหญ่โดยใช้น้ำเป็นสื่อกลาง เพื่อแสดงถึงความเคารพ นอบน้อม และขอโทษสำหรับสิ่งต่าง ๆ ที่เคยล่วงเกิน 

 

สุชาณัฐ ชิดไทย นักออกแบบจาก SCGP ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรดน้ำดำหัว จึงต่อยอดออกแบบ “Anya Songkran Gift Set” ชุดบรรจุภัณฑ์ขันเงินใบเล็กและน้ำอบไทย ที่จะเปลี่ยนให้เทศกาลสงกรานต์ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป แถมยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อได้อีกด้วย 

โปรเจกต์ Anya หรือ “อัณยา”

 

หลังได้รับโจทย์จากลูกค้าและพบว่าผลิตภัณฑ์มีแค่เพียงขันเงินใบเล็กและน้ำอบไทย ทางทีมผู้ออกแบบของ SCGP มีความตั้งใจที่จะออกแบบให้บรรจุภัณฑ์ชิ้นนี้สามารถช่วยเพิ่มมูลค่าและยกระดับสิ่งของสำคัญสำหรับการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์

 

ก่อนจะระดมความคิดจนตกผลึกมาเป็นรูปทรงพานพุ่มดอกไม้ ที่มีรายละเอียดยิบย่อยไม่เหมือนใคร สื่อถึงความดีงาม ความรักบริสุทธิ์ ความสดชื่น ภายใต้คอนเซปต์ “ความปรารถนาดีไม่มีที่สิ้นสุด” อันเป็นที่มาของชื่อ Anya หรือในภาษาไทย “อัณยา”

 

เริ่มลงมือ 

 

เริ่มแรก SCGP อยากนำหนึ่งในจุดเด่นขององค์กรอย่าง Micro Flute มาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด โดย “Anya Songkran Gift Set” ไม่มีสักจุดเดียวเลยที่ใช้กาว แต่ทุกองค์ประกอบสามารถเชื่อมต่อหรือยึดกันด้วยวิธีการพับ

 

ในส่วนของฝาปิดซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก มีการออกแบบให้ช่วยล็อคตัวขันเงินใบเล็กและน้ำอบไทยไม่ให้ขยับเขยื้อน แต่ถ้าหากอยากนำออกมาใช้งานก็สามารถเปิดฝาด้านบนออกได้แบบง่ายดาย 

 

ประกอบกับเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ Digital Print ลวดลายกราฟิกสัญลักษณ์มงคลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกมะลิ ดอกพุด และใบตอง ที่สื่อถึงความเป็นพานพุ่มดอกไม้ได้ทันที ซึ่งนับว่าเหมาะสมกับบรรจุภัณฑ์สุดพิเศษชิ้นนี้อย่างมาก เนื่องจาก Digital Print ของ SCGP เหมาะกับการผลิตในจำนวนน้อยและไม่จำเป็นต้องขึ้น Block สำหรับการผลิต

 

ถึงแม้ภายนอกจะดูมีความอลังการและชวนคาดคะเนให้คิดว่ามีราคาสูง ทว่าในทุกขั้นตอนการออกแบบ SCGP ได้กำหนดงบประมาณไว้ ส่งผลให้ “Anya Songkran Gift Set” มีราคาที่จับต้องได้และเหมาะสมที่จะนำไปมอบให้ผู้อื่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

 

สว่างไสวหลังใช้งาน 

 

ความพิเศษของ “Anya Songkran Gift Set” ชุดบรรจุภัณฑ์ขันเงินใบเล็กและน้ำอบไทยยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะทางทีมผู้ออกแบบของ SCGP ได้วางแผนและออกแบบไว้แล้วว่าหลังจากหยิบขันเงินใบเล็กและขวดน้ำอบไทยออกไป บรรจุภัณฑ์รูปทรงพานพุ่มดอกไม้นี้จะต้องไม่เป็นกลายเป็นเพียงขยะในอนาคต 

 

โดย “Anya Songkran Gift Set” ชุดบรรจุภัณฑ์ขันเงินใบเล็กและน้ำอบไทย สามารถนำมาใช้วางเป็นของตกแต่งบ้านหรือนำสิ่งของอื่น ๆ มาวางแทนที่ขันและขวดน้ำอบ 

 

แต่ที่เป็นไฮไลท์คงหนีไม่พ้นการเปลี่ยน “Anya Songkran Gift Set” ให้กลายเป็นโคมไฟตั้งโต๊ะ สามารถนำหลอดไฟ LED มาใส้ไว้ด้านใน ซ้ำยังสะดวกต่อการต่อสายไฟต่าง ๆ อีกด้วย 

 

คุณภาพและความคุ้มค่าของ “Anya Songkran Gift Set” ชุดบรรจุภัณฑ์ขันเงินใบเล็กและน้ำอบไทยจาก SCGP การันตีได้จากการได้รับรางวัล Thai Star ประเภท Consumer Package ในงาน ThaiStar Packaging Award เมื่อปี 2021 

 

ทั้งนี้หากผู้ประกอบการท่านใดมีความประสงค์อยากให้บรรจุภัณฑ์ขององค์กรตนเองช่วยเพิ่มมูลค่าได้เหมือนอย่าง “Anya Songkran Gift Set” ชุดบรรจุภัณฑ์ขันเงินใบเล็กและน้ำอบไทย สามารถขอคำปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก SCGP ได้ตลอดเวลาทำการ