SCGP Newsroom

Fest by SCGP เปิดบ้านโชว์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ตลาดอาหารพร้อมทาน-เนื้อสดแช่เย็น และตู้อัตโนมัติ ด้วยฐานการผลิตศักยภาพสูง รองรับดีมานด์บรรจุภัณฑ์ยั่งยืนโตต่อเนื่อง

Fest by SCGP (เฟสท์) พาสื่อมวลชนเยี่ยมชมนวัตกรรมและนำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์อาหารเพื่อสิ่งแวดล้อม โชว์ความพร้อมเข้าสู่ตลาดอาหารพร้อมทาน-เนื้อสดแช่เย็น และตู้อัตโนมัติ ชูศักยภาพการผลิตและทีมงานคุณภาพ พร้อมรองรับความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหารยั่งยืนที่มีการเติบโตสูง

 

นายกิตชัย ทัศนวิญญู Foodservice Packaging Solutions Manager บริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ใน SCGP เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดอาหารแปรรูปมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารพร้อมทาน-เนื้อสดแช่เย็น จากไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รวมถึงการบริโภคอาหารพร้อมรับประทาน (Ready Meal) และมองหาบรรจุภัณฑ์ทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยต้องรักษาคุณสมบัติของสินค้าไว้ให้ได้ และต้องไม่กระทบกับกระบวนการผลิต ซึ่งจากข้อมูล Euromonitor คาดการณ์ในปี 2566 อุตสาหกรรมผู้ผลิตอาหารแปรรูปในกลุ่มอาหารพร้อมทานและผลิตภัณฑ์เนื้อสด มีมูลค่าตลาดบรรจุภัณฑ์เท่ากับ 2,729 ล้านบาทต่อปี

 

บรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัย “Fest by SCGP” ได้ขยายเข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรมผู้ผลิตอาหารพร้อมทาน-เนื้อสดแช่เย็น ผ่านความร่วมมือกับลูกค้าแต่ละรายในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน ล่าสุด ได้พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ ถาดกระดาษเนื้อสดแช่เย็น (Fest Fresh Pak) ที่เก็บรักษาความสดของเนื้อได้ตามมาตรฐาน แข็งแรงและคงสภาพแม้อยู่ในสภาวะเปียกชื้น ใช้วัตถุดิบหมุนเวียนที่สามารถปลูกใหม่ทดแทนได้ (Renewable Material) ไม่น้อยกว่า 80% ได้รับการรับรองจากฉลาก SCG Green Choice ถาดอาหารแช่เย็นพร้อมทาน (Fest Redi Pak) Fest by SCGP ได้ร่วมกับ Reo’s Deli (รีโอส์ เดลิ) พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยรักษาความสดและรสชาติของอาหาร สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้เลยโดยไม่ต้องถอดปลอกออก สามารถเก็บความร้อนได้ดี จึงช่วยลดเวลาและประหยัดพลังงานที่ใช้ในการอุ่นอาหารลง ทั้งนี้ Fest by SCGP ตั้งเป้าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารพร้อมทาน-เนื้อสดแช่เย็นเป็น 10% ภายในปี 2571

 

นอกจากนี้ Fest by SCGP มีบริการให้คำปรึกษาและโซลูชัน เพื่อเป็นไอเดียให้แก่ผู้ผลิตอาหาร สามารถเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับกระบวนการผลิตและระบบอัตโนมัติที่ได้รับความนิยมสูง โดยได้จับมือกับ “เต่าบิน” พัฒนา แก้วกระดาษสำหรับเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ (Fest Vending Pak) ที่ผลิตด้วยกระดาษ ทนทาน ไม่เสียรูปทรง พร้อมพิมพ์ลายสวยงาม คมชัด ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนลวดลายได้ตามแผนการตลาดตามเทศกาล (Seasonal Marketing) ช่วยลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสินค้าให้เกิดความคล่องตัว และลดพื้นที่การจัดเก็บสินค้าคงคลัง 

 

ด้วยศักยภาพด้านการผลิตจากฐานการผลิต และความเชี่ยวชาญในการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร Fest by SCGP พร้อมเดินหน้าเพิ่มความร่วมมือกับผู้ผลิตอาหาร ให้ลูกค้ามั่นใจได้ในความสะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจไปพร้อมกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น และร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน
 

HOLIS by SCGP รับรางวัลจาก DKSH ในการพัฒนาต่อยอดโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์โพรไบโอติกของ Morinaga

นายเอกราช นิโรจน์ Enterprise Marketing DirectorSCGP รับรางวัล Holistic Innovation Award จาก บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ในงาน Food Ingredients Asia 2023 (FI Asia 2023) ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับคู่ค้าที่พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ด้วยการใช้เชื้อจุลินทรีย์โพรไบโอติกจากแบรนด์ Morinaga ประเทศญี่ปุ่น มาเป็นส่วนประกอบหนึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS โดยพิธีมอบจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

 

นายเอกราช กล่าวว่า “SCGP รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล Holistic Innovation Award จาก DKSH ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นรางวัลที่สะท้อนถึงการยอมรับจากพันธมิตรทางธุรกิจ ในการพัฒนานวัตกรรมทางด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและอาหารฟังก์ชัน (Functional Food) ของ SCGP และเป็นแรงสนับสนุนให้ HOLIS by SCGP มุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและอาหารฟังก์ชัน ที่มีรูปแบบโดดเด่น ทานง่าย ได้ประโยชน์ เพื่อตอบโจทย์สุขภาพแบบองค์รวมของคนไทย

 

“HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยปรับสมดุลการทำงานของลำไส้ และระบบขับถ่าย ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบด้วย Prebiotics 2 ชนิด มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล มีใยอาหาร และช่วยกระตุ้นการขับถ่าย, Probiotics 9 สายพันธุ์ ช่วยปรับสมดุลทางเดินอาหารและระบบขับถ่าย ช่วยลดการสะสมของไขมันพอกตับ และ Postbiotic 1 ชนิด ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และช่วยให้สบายท้อง มี 2 รสชาติ ได้แก่ กลิ่นส้มโยเกิร์ต และกลิ่นแอปเปิ้ลโยเกิร์ต มาในรูปแบบผง บรรจุซอง พร้อมรับประทานได้ทันที

 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่  ร้าน Watsons ทุกสาขา และช่องทางอี-มาร์เก็ตเพลสชั้นนำร้าน SCGP Healthcare ใน Shopee, Lazada, Line OA @SCGPHealthcare , www.doozyonline  โดยสามารถติดตามข้อมูลสินค้าและกิจกรรมที่น่าสนใจได้ที่ www.holisbyscgp.com และ Facebook : HOLIS by SCGP

 

 

SCGP ส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ชวนพันธมิตรกว่า 40 บริษัท ยกระดับบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งกระบวนการ

SCGP มุ่งสร้างความร่วมมือและส่งเสริมการพัฒนา “บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน” ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ชวนพันธมิตรทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 40 บริษัท ร่วมยกระดับบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การพัฒนาวัตถุดิบ การออกแบบ การพัฒนาเทคโลยีและกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล จนถึงการส่งมอบถึงผู้บริโภค ในงานสัมมนา “SCGP Circularity in Action : Pursuit of Packaging Sustainability” ด้วยการแชร์แนวคิดและประสบการณ์ดำเนินงานบนฐานความยั่งยืนจากพันธมิตรชั้นนำ 

 

นายกรัณย์ เตชะเสน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูง บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยครอบคลุมทั้งกระบวนการออกแบบสินค้าและบริการ รวมถึงกระบวนการผลิต โดยเน้นการออกแบบและผลิตเพื่อให้เจ้าของสินค้า (Brand Owner) รวมถึงผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบาย ใช้งานได้ง่าย ใช้ทรัพยากรในปริมาณน้อย แต่ยังคงได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความแข็งแรงทนทาน สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลได้ พร้อมผนึกความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ในการส่งเสริมแนวทางที่ยั่งยืนไปสู่ผู้บริโภค เพื่อสร้างสรรค์โลกที่สะอาดและยั่งยืน

 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ SCGP จึงได้จัดงานสัมมนาภายใต้หัวข้อ “SCGP Circularity in Action : Pursuit of Packaging Sustainability” เพื่อแสดงความขอบคุณพันธมิตรทางธุรกิจในการสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นตลอดทั้งกระบวนการผลิตจนถึงการส่งมอบถึงมือผู้บริโภค พร้อมกับการขยายการรับรู้และส่งเสริมแนวทางการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการแชร์ประสบการณ์ โดยได้เชิญ 3 พันธมิตรชั้นนำที่ SCGP เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน มาร่วมแบ่งปันแนวคิดในครั้งนี้

 

นายกฤตวิทย์ เลาหธนาพร กรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม. วอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำดื่ม “สปริงเกิล” กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงร่วมกับ SCGP ในการออกแบบและพัฒนาขวดน้ำดื่ม “สปริงเคิล” แบบใหม่ที่รีไซเคิลได้ง่ายและไม่มีฉลากเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมวางตลาดในเดือนตุลาคมนี้ โดยบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจจากภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงและแนวคิดการออกแบบให้เหลือเฉพาะสิ่งที่จำเป็น จึงนำรูปทรงการละลายของธารน้ำแข็งขั้วโลกมาใช้ออกแบบขวดน้ำดื่มเพื่อสร้างความแตกต่าง นอกจากนี้ได้ลดการใช้ฉลาก โดยนำเทคโนโลยีพิมพ์ข้อความแบบอิงก์เจ็ตลงบนพื้นผิวขวดน้ำดื่มที่มาจากองค์ความรู้และพัฒนาขึ้นเองด้วยระยะเวลาเกือบ 2 ปี สามารถล้างหมึกพิมพ์ด้วยกระบวนการรีไซเคิลทั่วไปได้และไม่มีสารอันตรายปนเปื้อนในน้ำ เป็นการลดพลาสติกลงไปอีกชิ้นจากการไม่มีฉลาก และทำให้ขวดน้ำนี้เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ง่ายที่สุด

 

นางสาวศิริลักษณ์ ณรงค์ตะณุพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิเควเตอร์ เพียวเนเจอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากธรรมชาติแบรนด์ “PiPPER STANDARD” (พิพเพอร์ สแตนดาร์ด) กล่าวว่า ได้ร่วมกับ SCGP เพื่อพัฒนาแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของบริษัทฯ ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% รวมถึงได้ร่วมกันจัดโครงการ “ข.ขวด พิพเพอร์ มารีไซเคิล” ในการนำขวดพลาสติกที่ผ่านการใช้งานแล้ว มาคัดแยกประเภท ผ่านกระบวนการทำความสะอาด ปรับปรุงคุณสมบัติด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อส่งไปผลิตเป็นเม็ดพลาสติก Post-Consumer Recycled Resin (PCR) ก่อนนำไปขึ้นรูปเป็นขวดใหม่ นับเป็นการเดินตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างครบวงจร

 

นายสุพจน์ เกตุโตประการ รองประธานบริหารฝ่ายธุรกิจและพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทดาว ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในด้านวัสดุศาสตร์ เล็งเห็นว่าการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกชนิดเดียว หรือ Mono-material ซึ่งยังคงคุณสมบัติที่ดีของแพคเกจจิ้ง แต่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่าย เป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมวงจรรีไซเคิล จึงได้มีการพัฒนาโซลูชันในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเรามีแนวคิดด้านความยั่งยืนที่ตรงกันกับ SCGP และได้มีความร่วมมือกันในหลาย ๆ โครงการ เช่น การพัฒนาถุงข้าวตราฉัตรให้รีไซเคิลได้ง่าย และยังบางลงแต่แข็งแรงขึ้น ตอบโจทย์ทั้งการลดขยะและลดคาร์บอน สอดคล้องกับเจตนารมย์ของ Dow ที่มุ่งมั่นจะช่วยให้ลูกค้าของเรามุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้สำเร็จเตามที่ตั้งใจ

 

“SCGP เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือจากพันธมิตรเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การสร้างบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นได้ เนื่องจากในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนต้องอาศัยความเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ทั้งเทคโนโลยี การออกแบบ การทดลอง เพื่อให้ได้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มีคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้นกว่าในอดีต งานสัมมนาจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการรวมพันธมิตรเพื่อร่วมกันหาโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีการใช้งานที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง SCGP มีแผนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์แบบคงรูป (Rigid Packaging) หรือบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) และยังมุ่งส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้าร่วมมือกับ SCGP ในการทำให้บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ SCGP เติบโตอย่างมีคุณภาพ ก้าวสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 และที่สำคัญที่สุดคือการส่งเสริมสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน” คุณกรัณย์กล่าวเพิ่มเติม
 

SCGP นำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลขับเคลื่อนความยั่งยืน

เพราะความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการต่อจิ๊กซอว์เพียงตัวเดียว หากแต่เกิดจากจิ๊กซอว์นับสิบนับร้อย บางเรื่องที่ต้องอดทนและใช้เวลา อาจต้องต่อจิ๊กซอว์นับพันนับหมื่นชิ้น เพื่อประกอบภาพร่างให้สมบูรณ์แบบ

 

วันนี้ ผู้ดูแลงานพัฒนานวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร “คุณสุรศักดิ์ อัมมวรรธน์” Technology and Digital Platform Director ของบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ได้เล่าถึงการดำเนินงานของ SCGP ที่มุ่งเน้นด้านรีไซเคิล เพื่อสร้างมูลค่าตลอดห่วงโซ่อุปทาน ในงาน ASEAN Paper เมื่อเร็ว ๆ นี้

 

น่าสนใจว่าเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลนอกจากจะช่วยสร้างการแข่งขันทางธุรกิจได้ ยังเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่หนุนหลังให้พันธกิจองค์กรในด้าน ESG กับ Net Zero ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

 

@เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลกับการดำเนินธุรกิจ

SCGP มีการดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่หลากหลาย ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีการพัฒนานวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในด้านต่าง ๆ

 

ทั้งในด้านการผลิตที่มุ่งเน้น Operational Excellence ทำให้ซัพพลายเชนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบออโตเมชันต่าง ๆ มาใช้เพิ่มผลผลิต SCGP ได้นำเดต้าต่าง ๆ เข้ามาใช้ในองค์กรเพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์ อาทิ ระบบการติดต่อ การสั่งซื้อ การส่งมอบสินค้า ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลการสั่งซื้อได้ด้วยตัวเอง หลังจากมีการนำเดต้ามาใช้ในองค์กรทั่วถึง พนักงานขายสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าสนใจ และตอบข้อมูลให้ลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น ทำให้ลูกค้าสะดวกขึ้นซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ขณะเดียวกันข้อมูลบนออนไลน์แบบทั่วถึง ทำให้ระบบการทำงานภายในองค์กรไหลลื่น ทำให้สามารถบริหารจัดการวัตถุดิบ ข้อมูลคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยทำให้ต้นทุนการผลิต ทำให้เกิดการบริหารจัดการต้นทุนอย่างเหมาะสม เป็นประโยชน์กับทั้งซัพพลายเชน

 

“หลักการคือเราต้องการให้ข้อมูลต่าง ๆ เป็น single source of truth แปลว่าทุกคนในซัพพลายเชน เห็นตัวเลขบนข้อมูลเดียวกัน ทำให้ไม่เกิดความซับซ้อน ไม่เป็นช่องว่างในการบริหารจัดการทั้งกระบวนการ ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลเพิ่งเป็นแค่จุดเริ่มต้น เมื่อเราได้มีการนำมาใช้แล้ว สามารถต่อยอดเป็นประโยชน์อย่างอื่นได้อีก”

 

@เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลสู่บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน

จากแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจของ SCGP ตามกรอบแนวคิด ESG ซึ่งมีแผนงานชัดเจนที่จะเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในปี 2025 ที่จะไปสู่เป้าหมายใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลและย่อยสลายได้ 100% และในปี 2050 ประกาศเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ SCGP ได้พัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนให้ถึงเป้าหมายความยั่งยืน

 

“การเพิ่มอัตราบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล”

SCGP เดินหน้าสร้างเครือข่ายและความร่วมมือในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แบ่งเป็นการเพิ่มพันธมิตรรีไซเคิล จาก 8 รายเป็น 22 ราย การเพิ่มเครือข่ายระบบการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล หรือ recycling station เพื่อนำบรรจุภัณฑ์เหลือใช้กลับคืนมาที่โรงงาน ซึ่งมีการเพิ่มจากจำนวน 90 แห่งในปี 2563 เพิ่มเป็น 133 แห่งในปี 2566

SCGP ได้ลงทุนทำให้กระดาษรีไซเคิลมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยการลงทุนติดตั้งเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต (Operational Excellence) มีการติดตั้งจุดตรวจวัดประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจ โดยคุณภาพของกระดาษที่ได้กลับมานั้น เพิ่มจากเดิมในอัตรา 80% เป็น 88-92% เทียบกับการประหยัดทรัพยากรได้ 20,000 ตันต่อปี

 

นอกจากนี้ SCGP ได้ศึกษาและพัฒนานวัตกรรม “เส้นใยนาโนเซลลูโลส” จากวัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อน้ำไปใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ ซึ่งได้มีการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

“ต่อยอด Waste ให้เป็นเม็ดพลาสติก”

เมื่อนึกถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล มักจะมีเศษวัสดุอื่น ๆ ปนมาด้วย เช่น เทปกาว หรือฟิล์ม ที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ และจะถูกเผาเพื่อเป็นพลังงาน SCGP จึงพัฒนาคิดต่อยอดจาก waste เหล่านี้ ซึ่งเราเรียกว่า waste of waste ให้มีมูลค่ามากขึ้น ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีนำ waste เหล่านี้มาผลิตเป็นเม็ดพลาสติก และได้ขยายโรงงาน waste of waste แล้วถึง 3 โรงงาน ในประเทศไทย 1 แห่ง และโรงงานในอินโดนีเซียอีก 2 แห่ง

 

“พอเป็นเม็ดพลาสติก เราสามารถนำไปผสมกับเม็ดพลาสติกใหม่ เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคใช้ทั่วไปได้ เช่นกระบะพลาสติกใช้ในการขนส่งสินค้า ถังต่าง ๆ เพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้ให้ผลตอบแทนการลงทุน แต่ช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นการใช้ waste อย่างคุ้มค่าจริง ๆ ”

 

การพัฒนาทั้งหมดนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของการผลิตบรรจุภัณฑ์ ทั้งลดการใช้ทรัพยากรใหม่ เพิ่มการรีไซเคิลทรัพยากรเดิมให้มีประสิทธิภาพ ล้วนช่วยเสริมสร้าง Infinite Recycling ให้เกิดขึ้นได้จริง รวมถึงการนำมาใช้ประโยชน์ที่หลากหลาย Upcycling ซึ่งตอบโจทย์การดำเนินงานบนฐานของความยั่งยืนอย่างแท้จริง

ส่งมอบความปรารถนาดีผ่านบรรจุภัณฑ์ขนมไหว้พระจันทร์จาก SCGP

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญของทั้งชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนอย่างเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี สิ่งที่ผู้คนมักนิยมมอบให้แทนความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้ต่อกัน คงหนีไม่พ้นขนมไหว้พระจันทร์ที่สื่อถึงความพรั่งพร้อม สมบูรณ์ และความสมหวัง

ทว่าเมื่อผู้รับได้ลิ้มรสขนมไหว้พระจันทร์เป็นที่เรียบร้อย สิ่งต่อไปที่พวกเขาจะทำคือการทิ้งบรรจุภัณฑ์ลงถังขยะทันที เพราะไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าหากคุณได้รู้จักกับ “Moon Cake” หรือ “กล่องมองผ่านจันทร์” อีกระดับของกล่องใส่ขนมไหว้พระจันทร์ บรรจุภัณฑ์แทนความหวังดีจาก SCGP

จุดเริ่มต้นของ “บรรจุภัณฑ์ Moon Cake”

ทุก ๆ ปีที่ผ่านมาในช่วงใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์  จะมีกล่องใส่ขนมไหว้พระจันทร์มากมายหลายรูปแบบวางจำหน่ายตามท้องตลาดให้ผู้ซื้อได้เลือกตามความพึงพอใจ

SCGP ที่เน้นการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน นำโดย นางสาวศิขิน อมรกิจเจริญ นักออกแบบ พร้อมด้วย นายวันชนะ ศรีไตรรัตนะ และ นายภาณุพงศ์ ช่อผูก จึงมีไอเดียในการออกแบบที่ว่า กล่องใส่ขนมไหว้พระจันทร์ของพวกเขาต้องมีความพิเศษแหวกแนวกว่าปีก่อน ๆ

โดยตอนแรกวางคอนเซปต์ไว้เป็นกล่องใส่ขนมไหว้พระจันทร์ในรูปทรงปิ่นโต แต่ทว่าหลังจากลองคำนวณถึงต้นทุนและความเป็นไปได้ให้ด้านโครงสร้างสัมพันธ์กับงานดีไซน์ จึงได้ข้อสรุปว่า จะใช้รูปทรงยอดฮิตตลอดกาลอย่างสี่เหลี่ยมจตุรัส

ความไม่ธรรมดาของกล่องใส่ขนมไหว้พระจันทร์เซ็ต 4 ชิ้นจาก SCGP คือ ลูกเล่นและลวดลายที่จะมอบประสบการณ์สุดแปลกใหม่ให้แก่ผู้รับ และยังสามารถนำกลับมาใช้ประโยน์ต่อได้อีกด้วย

มากกว่ากล่องใส่ขนม

ขั้นตอนแรกหลังจากตกลงเลือกรูปทรงกล่องได้แล้ว ต่อไปคือการเลือกสีให้แตกต่างจากกล่องขนมไหว้พระจันทร์เดิม ๆ ไม่ว่าจะสีแดงหรือสีเขียว

ด้วยความอยากให้กล่องขนมไหว้พระจันทร์จาก SCGP ดูหรูหรา ทางทีมผู้ออกแบบได้ตัดสินใจเลือกใช้สีม่วงเป็นแกนหลักในการออกแบบ “Moon Cake” หรือ “กล่องมองผ่านจันทร์”

เพราะตามประวัติศาสตร์แล้วสีม่วงเป็นสีที่ผสมขึ้นมาได้ยากมิหนำซ้ำยังราคาแพง ถึงขนาดมีเพียงจักรพรรดิเท่านั้นที่จะได้สวมเครื่องแต่งกายสีม่วง

ส่วนฝากล่องไม่ได้มีเพียงลวดลายสวยงาม โดยทำการเพิ่มลูกเล่นเป็น Rotation Plate แต่ยัง สามารถหมุนสลับสับเปลี่ยนท้องฟ้ายามราตรีได้ตามใจชอบ จากคืนเดือนแรมไปสู่คืนพระจันทร์เต็มดวงที่สื่อถึงความสามัคคีกลมเกลียวกันและการได้ใช้เวลาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวหรือคนที่คุณรัก

เสริมด้วยตัวอักษรมงคลของจีนที่จะนำมาซึ่งความโชคดี และมีกระต่ายสองตัวยืนชมจันทร์ร่วมกันเป็นองค์ประกอบ ให้ความรู้สึกคล้ายมองผ่านหน้าต่างไปยังสวนหย่อมพลางทานขนมไหว้พระจันทร์ร่วมกันกับญาติสนิทมิตรสหาย

พิมพ์ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ระบบ Offset ที่เคลือบทั่วบรรจุภัณฑ์ให้เป็นผิวด้าน และใช้วิธีการเคลือบเงาเฉพาะจุด หรือ spot UV พร้อมกับประทับ Gold stamp เพื่อเพิ่มความพิเศษ สวยสะดุดตาและดูพรีเมี่ยมควรคู่กับผู้ที่ได้รับบรรจุภัณฑ์นี้

 

ได้ประโยชน์สองต่อ

วัสดุที่ใช้สำหรับการผลิต “Moon Cake” หรือ “กล่องมองผ่านจันทร์” มั่นใจได้เลยว่าสามารถนำมาใช้ซ้ำเป็นที่เก็บของอื่น ๆ ได้ เนื่องจากกล่องจั่วปังจาก SCGP มีคุณสมบัติคงทน ไม่ยับหรือพังง่ายจนเกินไป

แม้ “Moon Cake” หรือ “กล่องมองผ่านจันทร์” จะเป็นผลงานกล่องขนมไหว้พรจันทร์ชิ้นแรกจากนางสาวศิขิน อมรกิจเจริญ, นายวันชนะ ศรีไตรรัตนะ และ นายภาณุพงศ์ ช่อผูก 

แต่คุณภาพสามารถการันตีด้วยรางวัลประเภท Luxury Package จากงานประกวดบรรจุภัณฑ์ระดับโลกอย่าง WORLD STAR AWARDS 2023 ที่จัดโดย World Packaging Organization (WPO) ซึ่งมีผลงานส่งเข้าประกวดในปีนี้ รวม 440 ผลงาน ใน 16 ประเภท จาก 37 ประเทศทั่วโลก
 

ประกาศผล 10 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย SCGP Packaging Speak Out 2023

SCGP ได้จัดเวทีประกวดออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับคนรุ่นใหม่ “SCGP Packaging Speak Out 2023” โดยเปิดโอกาสให้เหล่า Gen Z นิสิต นักศึกษาที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ ได้มาออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้โจทย์การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อผู้สูงวัย (Packaging for Seniors) เพื่อให้ได้บรรจุภัณฑ์ทีตอบโจทย์กับคนรุ่นใหญ่มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และเป็นมิตรกับโลก โดยได้มีผู้เข้าแข่งขันรุ่นใหม่ทุ่มเทออกแบบจนสามารถผ่านเข้าไประเบิดความสร้างสรรค์ในรอบสุดท้ายจำนวนทั้งสิ้น 10 ทีมด้วยกัน 
 
รายชื่อ 10 ทีม และผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ในโครงการ “SCGP Packaging Speak Out 2023” 
1. ทีม 123 หน่อ กับผลงาน “แพคเกจจิ้งผ้าอ้อมผู้ใหญ่ตรา Comfee” 

2. ทีม 60’s kids กับผลงาน “ศรีษะ” 

3. ทีม CHAMALA กับผลงาน “ชามาลา” 

4. ทีม Dec Product กับผลงาน “ชุดผลิดภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ทำความสะอาดตาสำหรับผู้ป่วยหลังผ่าต้อกระจก” 

5. ทีม oabaom กับผลงาน “พลีส แอนด์ พิลส์” 

6. ทีม Pin กับผลงาน “ฟิตฟุต” 

7. ทีม POOKKWAN กับผลงาน “ผูกขวัญ” 

8. ทีม ppm กับผลงาน “ยาดมสมุนไพร” 

9. ทีม tian กับผลงาน “คลายเส้น” 

10. ทีม woof woof team กับผลงาน “เฟลอร์” 

*รายชื่อเรียงตามลำดับตัวอักษร 

 

มาร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ ว่าทีมไหนจะสามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ ถูกใจคนรุ่นใหญ่ และเอาชนะใจกรรมการได้มากที่สุดบนเวทีการประกวดปีนี้ 

 

Reo’s Deli จะทำเพื่อโลก ต้องเสียสละ

นอกจากการผลิตสินค้ารสชาติอร่อยถูกปากแล้ว Reo’s Deli (รีโอส์ เดลิ) ยังให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ด้วยความที่เชื่อว่า การเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ของแบรนด์จะช่วยเปลี่ยนโลกที่เราอยู่ให้ดีขึ้นในโอกาสนี้ คุณชณา วสุวัต หรือคุณเรียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแวลู ซอร์สซิ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารพร้อมทาน (Ready-to-eat) แบรนด์ Reo’s Deli จะมาแซร์เรื่องราวของบรรจุภัณฑ์ถาดอาหารแช่เย็นพร้อมทาน Redi Pak ที่มาจาก Mindset ที่พร้อมเผชิญความท้าทาย เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตที่เสิร์ฟความอร่อยให้กับทุกคน

 

อร่อย ไม่แพง เข้าถึงได้

“เรามีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นมีความสุข จุดเริ่มต้นคือ อาหารของเราอร่อย ลูกค้ากินแล้วชอบ ราคาไม่แพง เราจึงพัฒนาเป็นอาหารอิตาเลียนพร้อมทาน สินค้าที่เด่นคือ ผักโขมอบชีสและมะกะโรนีชีสเบคอน
ขายผ่านร้าน 7-11 ในราคาเพียง 37 บาท พอธุรกิจเริ่มไปได้ เรามองว่ายิ่งขายดี ยิ่งต้องเพิ่มคุณภาพ และเพิ่มความใส่ใจเข้าไปอีกขั้น” 
คุณเรียวเล่าต่อว่า ความพยายามในการจำหน่ายผ่านร้าน 7-11 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะการกระจายสินค้าไปทั่วประเทศมีโจทย์ทั้งเรื่องการขนส่งและอายุการเก็บรักษา (Shelf Life)
“เราเป็นประเภทชอบความท้าทาย เมื่อมีปัญหา เราก็ยิ่งไม่หยุดพัฒนาเมื่อเราพบว่าการขยายช่องทางจำหน่ายผ่านร้าน 7-11 มีความท้าทายคือ ขนส่งยาก เพราะเราใช้ถาดอะลูมิเนียมฟอยล์ ทำให้บุบง่าย เราจึงพัฒนานวัตกรรม No-Bake Process  เพื่อบรรจุอาหารลงในถาดพลาสติกและขยายตลาดไปทั่วประเทศ ทำให้เราเติบโตแบบก้าวกระโดด อีกความท้าทายหนึ่งคือ อายุการเก็บรักษา เราได้คำแนะนำจากสถาบันอาหารในเรื่อง Sanitization และ Hygiene พัฒนากระบวนการผลิตและทำโรงงานให้สะอาด เพื่อให้อาหารเก็บได้นานขึ้น จนเราสามารถเพิ่มอายุการเก็บรักษาได้ถึง 10 วัน”

 

รักษ์โลก… ต้องเสียสละ

“เราตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมาก่อนแล้ว จนช่วงโควิด 19 ที่มีการใช้พลาสติกค่อนข้างมาก เราจึงประชุมกับผู้ถือหุ้น เพราะการทำเรื่องนี้ต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและความยากลำบากหลายอย่าง
แต่เมื่อถามว่า Do we want to do this? ทุกคนตอบว่า ใช่ ถึงแม้จะต้องเพิ่มต้นทุน แต่เพื่อสิ่งที่ดีกว่าเราพร้อมที่จะลุยและเดินไปข้างหน้าจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนานี้
“บริษัทเราพอมีรายได้บ้างแล้ว เราก็มองถึงวัตถุประสงค์ของบริษัทว่า นอกจากทำให้ตัวเองแล้ว เราทำอะไรเพื่อคนอื่นได้บ้าง ถือเป็นการสร้างคุณค่าเพื่อคนอื่น อีก 10 ปีข้างหน้า เราเห็นชัดเจนว่าบริษัทเราจะไปอยู่ตรงไหน เราต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่มันยังเล็ก ทำสิ่งที่คิดว่ายากตั้งแต่มันยังง่าย
“ความท้าทายที่สุดคือ Mindset ของเราเอง เมื่อเราจัดระบบความคิดได้เราก็จะหาวิธีการจนได้ เราใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่ของคน มิติหนึ่งในนั้นคือ เรื่องสิ่งแวดล้อม เหมือนจะไกลตัวแต่ใกล้ตัว และถ้าไม่เริ่มทำวันนี้ มันจะเกิดได้เมื่อไร มันคือ Commitment ของพวกเราทั้งบริษัทเพราะฉะนั้นเราเลยมาหาวิธีกันว่าจะทำอย่างไร
“แนวคิดหลักคือเรื่อง Begin with the end คือ เอาความสำเร็จเป็นที่ตั้งถ้าเรามองเห็นปลายทาง ก็มาคิดว่าต้นทางจะเริ่มทำอะไรบ้างเพื่อไปสู่ความสำเร็จ การเปลี่ยนมาใช้ถาดอาหารแช่เย็นพร้อมทาน Redi Pakค่าใช้จ่ายเราเพิ่มขึ้น 22.7% เมื่อเทียบกับถาดพลาสติก ซึ่งถือว่าสูงแต่เราก็ต้องหาวิธีปรับเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกให้ได้ และสิ่งนี้คือ ความภาคภูมิใจของเรา เพราะเราสามารถใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติได้สูงถึง 90% ถือว่าเป็นการจุดประกายเล็ก ๆ เพื่อให้เกิดผลในภาพใหญ่เรามองว่า Reo’s Deli เป็นบริษัทที่ Small but beautiful ครับ”คุณเรียวเสริม

 

พาร์ตเนอร์ที่มีเป้าหมายเดียวกัน

สิ่งสำคัญที่ทำให้ Reo’s Deli และ Fest by SCGP สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกันได้คือ การมีจุดหมายปลายทางร่วมกันในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์ในแง่ของFunction,Convenience และ Sustainability ถ้าขาดความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ ก็คงจะทำไม่ได้
การร่วมมือกันยังทำให้เราได้เรียนรู้ Commitment ในการทำสิ่งใหม่และความเป็นมืออาชีพของทีม Fest by SCGP ที่มีการทำงานอย่างมีแบบแผน จนได้บรรจุภัณฑ์ที่ทั้งรักษ์โลกและสามารถรักษาคุณสมบัติของอาหารไว้ได้ ซึ่งถาดอาหารแซ่เย็นพร้อมทาน Redi Pak มีคุณสมบัติเด่นคือ เมื่ออุ่นด้วยไมโครเวฟแล้ว ตัวถาดจะแห้งขึ้น มีความแข็งแรง ดีไซน์ถาดสวยงาม ใช้สะดวก  ถือได้ไม่ร้อนมือ ปลอดภัยต่อผู้บริโภคตัวถาดอาหารแช่เย็นพร้อมทาน Redi Pak ใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติสามารถย่อยสลายได้ภายใน 60 วัน และตัวฟิล์มยังสามารถลอกออกเพื่อนำไปรีไซเคิลได้

“แผนในระยะสั้น 1 – 2 ปีนี้ เราเตรียมขยายกลุ่มอาหารรองท้อง อาหารว่างเพิ่มขึ้นเป็น 5 รายการ อีกส่วนคือ การสร้างแบรนด์ใหม่ที่จับตลาด B2B กลุ่ม Food Service ดูแลโรงแรม ร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ เราวาง Positioning  เป็นครัวกลางให้กับร้านอาหาร และจะพัฒนาอีกแบรนด์ที่เน้นเรื่องการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกผักโขมในประเทศไทย มีชื่อแบรนด์ว่าผักสร้างสุข เพื่อลดการนำเข้าและส่งเสริมให้เกิดรายได้ในประเทศโครงการดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการทดลองปลูกและเพาะเมล็ดพันธุ์ร่วมกับหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (กำแพงแสน) ซึ่งทำมา 4 ปีกว่าแล้วเราต้องทำให้เกษตรกรเห็นว่าทำแล้วได้ผลจริง
“แม้ว่าพลาสติกยังเป็นส่วนสำคัญในการถนอมอาหารอยู่ แต่เราพยายามใช้ให้น้อยที่สุด เราจะเป็นเฟืองจักรเล็ก ๆ ที่จุดประกายเพื่อขับเคลื่อนการดูแลสิ่งแวดล้อมให้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น ให้เป็นNew norm ในอนาคต
“กระบวนการผลิตถาดอาหารแช่เย็นพร้อมทาน Redi Pak แบบ Mass Production เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องร่วมมือกับ Fest by SCGP เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด พร้อมเป็นองค์กรที่สร้างความสุขและส่งต่อMindset ดี ๆ ให้กับลูกค้าและโลกใบนี้” คุณเรียวกล่าวทิ้งท้าย

 

หาคุณค่าจากงานที่ทำ สร้าง Passion ที่ดีได้ทุกวัน

“งานปัจจุบันของหญิงคือ Product Innovation ที่ดูแลตั้งแต่การขาย การนำเสนอและพัฒนาสินค้าที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งมักจะเป็นสิ่งใหม่ที่ SCGP ยังไม่เคยมีมาก่อน งานเราจึงไม่ใช่เอาของที่มีอยู่แล้วไปขายเท่านั้น แต่เป็นการนำเสนอโซลูซันที่เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้า

“เนื้องานด้านเทคนิคหรือ Technical Sale เป็นงานที่ใกล้ชิดกับลูกค้า เวลาต้องคิดค้นอะไรใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการ เราต้องไปดูกระบวนการของลูกค้าว่าสินค้าเราจะไปผ่านกระบวนการอะไรบ้าง มองไปให้ถึงปลายทางด้วยว่า ผู้บริโภคใช้งานแล้วเป็นอย่างไร เจอความไม่สะดวกจุดใดหรือไม่ เพราะเราอาจมองเห็นโอกาส และช่วยเขาได้มากกว่าที่เขาคาดหวัง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีกับบริษัทมากขึ้น

“ตอนที่หญิงเปลี่ยนเนื้องาน และมีความรับผิดชอบหน้างานที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งที่หญิงทำคือ ปรับ Mindset ก่อนเลยว่า ทำงานให้สนุก ถ้าเราคิดว่างานเยอะไม่อยากทำ มันจะหดหู่ และคิดอะไรไม่ออก เราต้อง Challenge ตัวเองมากขึ้นในทุกวัน ทั้งในแง่การทำงานและ Mindset 

“การได้ทำงานใหม่ ๆ ทำให้หญิงได้ฝึกการคุยกับลูกค้า มีการสื่อสารที่ดีขึ้น ได้เรียนรู้ทักษะการขาย ปรับเปลี่ยนบุคลิก เพิ่มไหวพริบ ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ ทำให้เรามีทักษะที่ครบเครื่องมากขึ้น และสามารถเอามาปรับใช้ได้ในอนาคต สุดท้ายต้องขอบคุณที่เรามีทีมที่ดีด้วย ทำให้เราทำงานอย่างมีความสุขแล้วก็สนุกได้ในทุกวันจริง ๆ  ค่ะ

“วิถีการทำงานและ Mindset ของเรา หล่อหลอมมาจากวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งทุกคนมีอยู่ในตัวเอง และเราก็แสดงออกมาโดยธรรมชาติ เวลาเรามีโอกาส ไปเจอคนภายนอก หรือการเป็น MC มันคือโอกาสที่จะได้สื่อสารเรื่องราว และส่งต่อสิ่งดี ๆ ของ SCGP ออกไป และเราทุกคนคือ SCGP Brand Ambassador”

 

ปวีณา วรรณศิริมงคล (หญิง) Paweena Wannasirimongkol – Product Innovation Officer, Thai Paper

 

 

“หน้าที่ของผมคือ ดูแลเรื่องการใช้งานสินค้าในทุกขั้นตอนให้กับลูกค้า ให้เขานำสินค้าไปใช้ได้อย่างถูกต้อง หากเกิดปัญหาระหว่างการใช้งาน หรือต้องการความช่วยเหลือ เราต้องซัปพอร์ตข้อมูลส่วนนั้น ๆ ได้ คอยแนะนำการใช้งานให้ลูกค้า เพื่อไม่ให้เจอปัญหาซ้ำอีก นอกเหนือจากความรับผิดชอบหลักก็ได้มีโอกาสช่วยเข้าไปให้ความรู้แก่องค์กรของลูกค้า หรือไปแซร์ประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยที่มีสาขาเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เราทำ
“สิ่งสำคัญที่สุดคือ รักษาผลประโยชน์ทั้งของบริษัทและลูกค้า ด้วยเนื้องานหลักเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นการรับข้อร้องเรียนของลูกค้า Mindset ของผมคือ ต้องเข้าใจว่า ลูกค้ากำลังเจอปัญหาการใช้งานบางอย่าง แล้วเรามีหน้าที่ช่วยให้เขาผ่านปัญหาไปได้ด้วยดี คิดว่าถ้าเขาใช้งานได้ ขายของได้ เขาก็กลับมาซื้อของเรา เราก็จะโตไปด้วยกัน

“ทุกครั้งที่เราช่วยเหลือ หรือแก้ปัญหาให้ลูกค้าข้ามผ่านไปได้ มันคือความภูมิใจ ผมรู้สึกว่างานที่ทำอยู่มีคุณค่า ได้สร้างคุณค่าให้กับคนอื่น และยังสร้างคุณค่าให้ตัวเองด้วย ช่วงที่ต้องทำงานที่ไม่ถนัด ก็ต้อง Challenge ตัวเองว่า จะสร้างคุณค่าให้ตัวเองจากงานนั้นอย่างไรได้บ้าง ต้องมองหาคุณค่าในงานที่เราได้รับมอบหมายให้เจอ

“เวลาที่ต้องออกไปคุยกับลูกค้าหรือคนภายนอก รวมถึงเป็น MC ผมรู้สึกเหมือนมีสปอตไลต์ Follow มาที่เรา เราคือ ตัวแทนขององค์กรในเวลานั้นทุกคนจะมองว่า เราเป็นอย่างไร องค์กรจะเป็นแบบนั้น สิ่งที่เราทำได้คือ คิดบวกกับทุก ๆ เรื่อง สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรออกไปให้คนได้เห็นมากขึ้นทำให้เขารู้ว่า จริง ๆ แล้วเราไม่ได้แค่ทำงานเป็น แต่ยังรับผิดชอบต่อทุกด้านไม่ว่าจะชุมชน สังคม หรือโลก ภาพเหล่านี้ถูกส่งออกไปผ่านตัวเรา ผมคิดว่าทุกคนใน SCGP เป็น Brand Ambassador ขององค์กรที่จะสื่อสารออกไปว่าพวกเรามี DNA แบบไหน สิ่งที่ผมทำคือ คิดดี พูดดี ทำดีครับ”

ธนริศย์ ตันติศรัญรัตน์ (ฮุย) Thanaris Tantisarunrat – Technical Solutions Officer, Thai Paper

 

 

เปลี่ยนเทปกระดาษเป็นงานจักสานร่วมสมัย

SCGP ชวนชุมชนเปลี่ยนเส้นเทปกระดาษ (Paper Band) ของเหลือใช้จากอุตสาหกรรมที่หากนำมาขายจะได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 2-3 บาทสู่สินค้าจักสานราคาหลักร้อยที่คนซื้อไปใช้บอกว่าชอบมาก!
ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ SCGP ให้ความสำคัญสู่โครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน SCGP สร้างมูลค่าเพิ่มให้เส้นเทปกระดาษ (Paper Band) เป็นผลิตภัณฑ์จักสานสร้างรายได้ให้คนในชุมชน เริ่มโครงการโดยศึกษาร่วมกันกับชุมชน ครู วิทยากร จากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เพื่อเพิ่มมูลค่าเส้นเทปกระดาษที่มีลักษณะเหนียว คงทน ไม่ขึ้นรา ให้เป็นผลิตภัณฑ์จักสานด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ และนำความรู้นั้นมาอบรมอาชีพให้แก่ชุมชนรอบโรงงาน 

งานจักสานจากเส้นเทปกระดาษ
•    ตะกร้า 
•    ถาด 
•    ที่รองแก้ว 
•    ที่ดึงนิ้วล็อก 
•    การบูรหอม 
•    กระเป๋าถือ 
•    กระเป๋าสะพาย 
•    ถุงตาข่าย 
•    กระเช้าดอกไม้ 
•    กล่องของขวัญ

ชุมชนได้ประโยชน์
•    เพิ่มศักยภาพให้แก่ชุมชนรอบโรงงาน 
•    ใช้เวลาว่างอย่างมีประโยชน์ 
•    เป็นอาชีพสร้างรายได้ 
•    ต่อยอดสู่การสร้างศูนย์เรียนรู้ในชุมชน 

นอกจากนี้ SCGP ยังต่อยอดหลักสูตรเกี่ยวกับการออกแบบ พัฒนาอัตลักษณ์ชุมชน การย้อมสี การตลาด และการสร้างแบรนด์สินค้าให้กับชุมชน เพื่อสร้างความแตกต่างและความสามารถในการแข่งขันในจังหวัดราชบุรีและปราจีนบุรี

เส้นเทปกระดาษหรือ Paper Band วัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตของ SCGP
= วัตถุดิบในการทำหัตถกรรมจักสานสร้างรายได้ให้ชุมชน

 

การันตีความสำเร็จด้วยรางวัล
“วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์เกษตรกรบ้านอ้ออีเขียว” จังหวัดราชบุรี และ” ชุมชนหัตถกรรมจักสานบ้านท่าตะคร้อ” จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับรางวัลรองชนะเลิศในการเข้าประกวด แบบจำลองธุรกิจ “พลอยได้ พาสุข” ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม จัดโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม นับเป็นความสำเร็จของ SCGP ที่พัฒนาชุมชนให้มีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

 

รายชื่อวิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมจักสานเส้นเทปกระดาษ (Paper Band)
•    วิสาหกิจชุมชนกลุ่มหัตถกรรมจักสานบ้านท่าตะคร้อ
เลขที่ 59 หมู่ 1 ตำบลท่าตะคร้อ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี รหัสไปรษณีย์ 71130
ติดต่อ: วิสาหกิจชุมชนฯ เบอร์โทรศัพท์: 09-8914-9245  08-7033-9616 และ 09-7958-6592 
•    วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์เกษตรกรบ้านอ้ออีเขียว
เลขที่ 90 หมู่ 2 ตำบลกรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี รหัสไปรษณีย์ 70190
ติดต่อ: คุณลอง เบอร์โทรศัพท์: 08-1736-1130 และ 09-2495-6454
•    กลุ่มอาชีพบ้านหนองจรเข้ 
เลขที่ 62 หมู่ 9 ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี รหัสไปรษณีย์ 25110
ติดต่อ: คุณสุจีน (กิ่น) เบอร์โทรศัพท์: 06-3103-8739
•    วิสาหกิจชุมชนเกษตรพอเพียงจักสานและอาหารแปรรูปบ้านกุดปลาหวี
เลขที่ 42/2 หมู่ 4 ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี รหัสไปรษณีย์ 25110
ติดต่อ: คุณบัวแพง เบอร์โทรศัพท์: 08-7618-8298

SCGP เจาะลึกพฤติกรรมและการตลาดสำหรับผู้สูงวัย กระตุกไอเดียแพคเกจจิ้งแบบไหนที่ตรงใจคนรุ่นใหญ่

SCGP จัดงานเสวนาแบ่งปันอินไซต์ของคนรุ่นใหญ่เพื่อคนรุ่นใหม่ เพื่อต่อยอดเป็นไอเดียการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เข้ากับพฤติกรรมและความต้องการที่เปลี่ยนไปตามวัยของผู้สูงอายุ สร้างสรรค์เป็นบรรจุภัณฑ์ที่คิดมาดีทั้งการใช้งานและการตลาดที่ตรงใจคนรุ่นใหญ่ และยังส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับทุกคน
ผ่านไปแล้วกับงานเสวนา ‘Packaging For Seniors พลังรุ่นใหม่ เพื่อรุ่นใหญ่ ออกแบบแพคเกจจิ้งอย่างไร ให้ผู้สูงวัยมีความสุข’ ที่ทาง SCGP ร่วมกับเพจมนุษย์ต่างวัย จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมคนรุ่นใหม่และผู้ประกอบการทราบถึงเคล็ดลับการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการทำการตลาดของแบรนด์ให้ตรงใจคนรุ่นใหญ่ ตอบรับเทรนด์การเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย 

เปิดมุมมองใหม่ เข้าถึงใจผู้สูงอายุ
ในงานเริ่มต้นด้วยหัวข้อแรก ‘เจาะ insight ให้ลึกถึงใจ แพคเกจจิ้งแบบไหนที่ผู้สูงวัยต้องการ’ โดยได้ 3 วิทยากรตัวจริงมาบอกเล่าอินไซต์ เริ่มจากมุมมองทางด้านสุขภาพร่างกาย ผศ.พญ.ฐิติมา ว่องวิริยะวงศ์ จากสาขาอายุรศาสตร์ปัจฉิมวัย ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ได้เล่าถึงความเสื่อมสภาพของร่างกายที่เปลี่ยนไปตามวัยซึ่งแต่ละคนอาจจะเจอปัญหาแตกต่างกัน อาการเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุจึงอาจเจอได้ทั้งสายตาฝ้าฟาง โรคต้อกระจก ปัญหาเรื่องข้อต่อ กระดูก กล้ามเนื้อมือและแขนที่ส่งผลต่อการหยิบจับสิ่งของไม่สะดวก ไปจนถึงประสาทสัมผัสที่เสื่อมถอยลง ทั้งหมดส่งผลให้นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ต้องคำนึงถึงความสะดวกในการหยิบใช้งานของผู้สูงวัยเป็นอันดับต้น ๆ
เช่นกันกับ คุณอรสา ดุลยางกูล เจ้าของงานฝีมือแบรนด์ Craft in on ตัวแทนคนรุ่นใหญ่หัวใจวัยรุ่นที่มาเล่าอินไซต์ว่าผู้สูงอายุนั้นล้วนแต่อยากพึ่งพาตัวเอง ไม่ให้เป็นภาระของลูกหลาน ฉะนั้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับสิ่งของเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน จึงควรคิดถึงการออกแบบที่ใช้งานง่าย ใช้ได้จริง และปลอดภัย เช่น การใช้ตัวหนังสือที่ใหญ่ ใช้รูปภาพหรือสีของแพคเกจจิ้งที่แยกความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจน จดจำได้ง่าย รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ นอกจากนี้ผู้สูงวัยก็ยังชื่นชอบแพคเกจจิ้งที่ออกแบบสวยงาม แข็งแรงทนทานและสามารถนำมาใช้ซ้ำ เพื่อใส่อุปกรณ์ข้าวของส่วนตัวในบ้านต่อได้เช่นกัน 
นอกจากนี้ คุณรพิดา อัชชะกิจ เจ้าของเพจเข็นแม่เที่ยว ผู้มีประสบการณ์ดูแลคุณแม่ผู้ป่วยเป็นโรคทางสมองมากว่า 7 ปี ยังเสริมข้อมูลที่น่าสนใจว่าสำหรับผู้สูงอายุ การเลือกแพคเกจจิ้งที่ใช้งานได้จริงนั้นสำคัญกว่ายี่ห้อของผลิตภัณฑ์เสียอีก เพราะการแค่เปิดใช้งานสิ่งของเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น ก็ถือเป็นความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยเยียวยาจิตใจและอารมณ์ของผู้สูงอายุในทุกวัน และยังแบ่งปันไปถึงความสุขของคนที่ดูแลด้วย
“เราต้องเปลี่ยนการซื้อของในบ้านทั้งหมด ไม่สามารถเลือกซื้อจากกลิ่นหรือแบรนด์ที่ชอบได้ แต่จะเลือกซื้อจากแพคเกจจิ้งที่คุณแม่สามารถใช้งานได้สะดวก เช่น ขวดปั๊ม ขวดซอสมะเขือเทศที่เปลี่ยนจากขวดแก้วมาเป็นขวดพลาสติกที่ใช้การบีบ”

ออกแบบแพคเกจจิ้งแบบไหน ดีต่อใจผู้สูงอายุ
การออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหญ่ จึงมีรายละเอียดที่นักออกแบบรุ่นใหม่ต้องใส่ใจและเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งานให้มากกว่าแค่ความสวยงาม ถ้าบรรจุภัณฑ์นั้นยิ่งสามารถใช้งานได้สะดวกกับทุกวัย ใช้ได้ง่ายทั้งครอบครัว ก็น่าจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพวกเราทุกคน
ต่อกันด้วยหัวข้อที่สอง ‘Design for Aging ออกแบบอย่างไรให้ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพชีวิตและธุรกิจ’ ที่ ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดด้วยการแบ่งปันข้อมูลเจาะลึกของการทำการตลาดให้กับคนสูงวัย หรือที่เรียกกันว่ากลุ่ม Silver Gen ทั้งข้อมูลพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปของคนสูงวัย ความสนใจเรื่องการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพ รวมถึงพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย ที่ส่วนใหญ่ผู้สูงวัยมักจะเป็นคนตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง มีกำลังซื้อ และมักซื้อของทีละน้อย ๆ หรือซื้อทีละชิ้นเมื่อจำเป็นต้องใช้มากกว่า ข้อมูลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นหัวใจสำคัญของนักออกแบบที่จะคิดถึงการออกแบบแพคเกจจิ้งให้ตรงใจ รวมไปถึงคิดกลยุทธ์การขายที่ตรงเป้าหมายของผู้สูงวัย
“สำคัญมากคือต้องเข้าใจอินไซต์ของผู้ใหญ่ ว่าเขาอาจจะมองเห็นและตัดสินในสิ่งต่าง ๆ ไม่เหมือนกับคนรุ่นใหม่ การใช้เทคโนโลยีหรืองานออกแบบมินิมอลอาจจะสวยดีในสายตาเรา แต่สำหรับผู้สูงวัย สิ่งนั้นอาจจะไม่เหมาะสม ไม่ตอบโจทย์การใช้งานของเขาก็ได้ การมองและให้คุณค่าที่แตกต่างกันเลยเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการออกแบบ” ผศ.ดร.เอกก์ ย้ำ
พร้อมกันนี้ คุณสุริยา พิมพ์โคตร และคุณอรปวีณ์ บวรพัฒนไพศาล Food and Beverage Packaging Designer จาก SCGP ที่ทั้งคู่มาเล่าถึงกรณีศึกษาจริงของการออกแบบแพคเกจจิ้งเชิงรุก (Proactive Design) ที่นักออกแบบต้องลงไปพูดคุย สำรวจเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าจนได้ออกมาเป็นงานออกแบบที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า รวมไปถึงการออกแบบแพคเกจจิ้งบนหลักการ Universal Design ที่เข้าใจง่าย ใช้งานสะดวก ผ่านการใช้สี รูปภาพหรือกราฟิกที่จะวัยไหนก็เข้าใจได้เหมือนกัน ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานให้ง่ายดาย และยังช่วยเติมเต็มความรู้สึกหลังใช้ผลิตภัณฑ์ ครบตามหลักของการตลาดที่ต้องคิดให้ครอบคลุมทั้งประโยชน์การใช้งานและความรู้สึกดี ๆ ที่ได้จากการใช้งานนั้น

พลังรุ่นใหม่ เพื่อรุ่นใหญ่
SCGP เชื่อมั่นว่าพลังและไอเดียของคนรุ่นใหม่ จะสามารถสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ แม้จะต่างวัย ก็อยู่ร่วมกันได้แบบไม่ต่างใจกันในสังคมที่น่าอยู่สำหรับทุกคน
นิสิตนักศึกษาผู้สนใจปล่อยไอเดียการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อผู้สูงวัยในการประกวด SCGP PACKAGING SPEAK OUT 2023 สามารถส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 กันยายน 2566 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thechallenge.scgpackaging.com/en/speakout