SCGP Newsroom

‘บรรจุภัณฑ์อยู่รอบตัวเรา’ สำรวจนวัตกรรมจับต้องได้ที่ทำให้ชีวิต ‘สะดวก สบาย ง่าย ปลอดภัย’ ของ SCGP ในงาน SCGP IPO Roadshow [Advertorial]

นิทรรศการนำบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตและพัฒนาโดย SCGP มาจัดแสดง โดยจำแนกเป็นโซนตามไลฟ์สไตล์และการใช้งาน เพื่อให้นักลงทุนได้ทำความรู้จักกับบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน และได้เห็นภาพของบรรจุภัณฑ์ว่าอยู่รอบตัวเราได้อย่างไรบ้าง

SCGP IPO Roadshow ชื่องานก็บอกชัดเจนว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อชวนให้นักลงทุนรับฟังการนำเสนอข้อมูลของ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานเมื่อวันพุธที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่คือนักลงทุนที่มองเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีของกลุ่มธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ธุรกิจหลักของ SCG

 

ในขณะที่ THE STANDARD ลงทะเบียนและเข้าร่วมงานในฐานะผู้บริโภคที่ใคร่รู้และอยากดูให้เห็นกับตาว่านวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทุกไลฟ์สไตล์ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร และเหตุใดในขณะที่ธุรกิจมากมายต้องพ่ายให้กับวิกฤตโควิด-19 แต่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์กลับยังคงเติบโต

เราเริ่มค้นหาคำตอบภายในพื้นที่ของรอยัล พารากอน ฮอลล์ ซึ่งถูกเนรมิตให้กลายเป็นนิทรรศการที่นำบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตและพัฒนาโดย SCGP มาจัดแสดง จำแนกเป็นโซนตามไลฟ์สไตล์และการใช้งาน นับว่าเป็นไอเดียที่ดีที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นภาพชัดขึ้นว่าบรรจุภัณฑ์อยู่กับเราในทุกวันของชีวิต 

นอกจากนี้ทุกโซนจัดแสดงจะมีวิทยากรให้ข้อมูลเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียด สังเกตเห็นว่าผู้เข้าร่วมงานก็ให้ความสนใจอย่างมาก ซักถามกันตั้งแต่ต้นทางการผลิตไปจนถึงปลายทาง คำตอบที่ได้ยินรวมถึงสิ่งที่ได้เห็นในงานล้วนเป็นไปตามแนวคิดหลักของบริษัทที่ยึดถือตลอดมา นั่นคือการสร้างนวัตกรรม ออกแบบวัสดุ ผลิตภัณฑ์ ระบบ และโมเดลทางธุรกิจให้เป็นมิตรกับธรรมชาติ โดยใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดของเสีย เพื่อนำกลับไปเป็นทรัพยากรหมุนเวียนในระบบด้วยกระบวนการที่เหมาะสมในรูปแบบ ‘Make-Use-Return ผลิต ใช้ วนกลับ’  

5 โซนไฮไลต์ ล้วงลึกนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่อยู่กับเราในทุกวันของชีวิต

 

Personal Lifestyle ‘สะดวกกว่า สบายขึ้น’ 
เริ่มกันที่โซนแรก เป็นการจำลองไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันที่เชื่อมโยงไปกับคำว่า ‘สะดวกสบาย’ และไลฟ์สไตล์ยุค New Normal บรรจุภัณฑ์ใดบ้างที่จะช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกกว่าและสบายขึ้น เช่น Spout Pouch บรรจุภัณฑ์พร้อมฝาเกลียวที่ใช้ต่อกับเครื่องปั๊มนมได้เลย ตอบโจทย์คุณแม่ ไม่หก ไม่ปนเปื้อน ไม่เหม็นหืน ปั๊มเสร็จแล้วแช่ได้เลย หรือ EzySteam บรรจุภัณฑ์อุ่นไมโครเวฟได้สะดวก แค่ 2 นาทีก็อร่อยได้ นวัตกรรมใหม่ Digital Watermark เทคนิคการฝังรหัสข้อมูลดิจิทัลบนบรรจุภัณฑ์ แค่สแกนก็เข้าถึงข้อมูลสินค้า หรือสแกนเพื่อจ่ายเงินก็ยังได้ และชีวิตออนไลน์ที่ต้องจับจ่ายซื้อขายกันทุกวัน Doozy Pack บรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องไปรษณีย์ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ SCGP พัฒนาแบบครบวงจร ครบทุกไซส์ สามารถรองรับความต้องการที่เร่งด่วน 

 

 

Working Lifestyle ‘ปกป้องทุกย่างก้าว’ 
ต้องยอมรับว่าชีวิตนอกบ้านแวดล้อมไปด้วยความเสี่ยง ทั้งอันตรายจากสิ่งที่มองไม่เห็น และสิ่งที่เห็นแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ SCGP จึงออกโรงปกป้องชีวิตในทุกย่างก้าว โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร ซึ่งไม่ว่าจะกินที่ร้านหรือใช้บริการเดลิเวอรี บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ก็สามารถปกป้องเราได้จากสารปนเปื้อน ปกป้องอาหารไม่ให้รั่วซึม รวมถึงปกป้องโลกด้วยการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ไฮไลต์ของโซนนี้คือบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัย Fest หนึ่งในแบรนด์ของ SCGP ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคยุคนี้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP-EU Standard, HACCP และ BRC ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านดีไซน์อันสวยงามและฟังก์ชันที่เหมาะกับการใช้งาน 

ตอนนี้ผลิตออกมา 3 ประเภท 1. Fest Choice ผลิตจากกระดาษ สามารถใส่อาหารร้อนที่มีส่วนประกอบของน้ำและน้ำมันได้ปลอดภัย ไม่รั่วซึม และพิมพ์ลายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบรรจุภัณฑ์ได้ 2. Fest Bio ผลิตจากเยื่อยูคาลิปตัส 100% สัมผัสอาหารได้โดยตรงเหมือนกัน ข้อดีคือย่อยสลายได้ภายใน 60 วัน เข้าไมโครเวฟได้ และ 3. Fest Chill ผลิตจากเยื่อยูคาลิปตัสเคลือบฟิล์ม เมื่อลอกฟิล์มออกก็นำมารีไซเคิลได้ บรรจุอาหารร้อนได้ 130 องศาเซลเซียส เข้าตู้เย็นและอุ่นร้อนได้ จึงน่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์บริการเดลิเวอรีได้อย่างดี  

 

นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น กล่องกันไฟฟ้าสถิตBig Box กล่องสำหรับสินค้าขนาดใหญ่ หรือจะใช้รวมหน่วยเพื่อลดการใช้กล่องนอก ออกแบบความแข็งแกร่งได้ตามต้องการ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยของบรรจุภัณฑ์ลดลง แน่นอนว่าลดการใช้ทรัพยากรลงไปด้วย หรือนวัตกรรม Green Carton ที่ใช้ทรัพยากรในการผลิตลดลง มีน้ำหนักเบาลง แต่กล่องยังคงความแข็งแรงเท่าเดิมนั่นเอง 

 

Well-Being ‘นวัตกรรมที่ใส่ใจ ปลอดภัยกว่าที่เคย’   
SCGP ไม่ได้เก่งเรื่องบรรจุภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังขยันสรรหานวัตกรรมที่ต่อยอดจากศักยภาพที่มีในทุกความเป็นไปได้ ผสานความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทีมนักวิจัย กลายมาเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้ด้วย เช่น Aquacella Plusเจลแอลกอฮอล์ที่นำ Cellulose สำหรับทำเยื่อกระดาษ ใช้นาโนเทคโนโลยีทำให้เส้นใยเล็กลงก่อนผสมในเจล ซึ่งไม่เพียงช่วยฆ่าเชื้อโรค แต่ยังดึงความชุ่มชื้นกลับสู่ผิว เส้นใย Cellulose ยังนำไปสานจนกลายเป็น Smart Guard ฟิลเตอร์ แผ่นกรองอนามัยที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับหน้ากากผ้า ป้องกันไวรัส แบคทีเรีย และฝุ่น PM2.5 ได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ  

 

 

ผลิตภัณฑ์บางอย่างคิดค้นจากปัญหาของลูกค้า เช่น อุปกรณ์ยึดบาดแผลโดยไม่ต้องเย็บ หมดปัญหาเรื่องแผลเป็นจากการเย็บ หรือ Odor Lock ฟิล์มเก็บกลิ่นที่มีคุณสมบัติเก็บกลิ่นได้ถึง 2 ชั้น โดยเฉพาะกลิ่นทุเรียน ตัวอย่างของนวัตกรรมที่ใส่ใจผู้บริโภคและตอบโจทย์การใช้งานที่ปลอดภัยกว่าที่เคย 

 

 

 

Shopping Lifestyle ‘มากกว่าทุกความคาดหวัง’ 
ซูเปอร์มาร์เก็ตจำลองที่ทำให้คุณมองเห็นความหมายที่ซ่อนอยู่ในบรรจุภัณฑ์ นอกจากความสวยงามและปกป้องสินค้า บรรจุภัณฑ์แต่ละชิ้นที่ได้เห็นในโซนนี้ล้วนถูกออกแบบโครงสร้างเพื่อตอบโจทย์การใช้ในงานทุกรายละเอียด เช่น OptiBreath บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยคงความสดอร่อยได้นานยิ่งขึ้น นวัตกรรมที่ช่วยยืดอายุผักผลไม้ด้วยการคำนวณอัตราการหายใจ และสร้างกลไกให้ผักผลไม้หายใจช้าลง จึงยืดอายุได้นานขึ้น เช่น ผักบางชนิดปกติเก็บได้ 5 วัน แต่เมื่อเก็บใน OptiBreath จะยืดอายุเป็น 10 วัน  

 

 

หรือ Thermoformed Packaging บรรจุภัณฑ์ประเภทถ้วยพร้อมฝาปิด ผลิตจาก Polypropylene ทนความร้อนและสารเคมีได้ดี และยังมีฟิล์ม Evoh ป้องกันการซึมผ่านของอากาศและน้ำมัน เก็บรักษารสชาติได้ดี รวมไปถึงนวัตกรรมกระดาษลูกฟูกลอนจิ๋ว (Micro Flute) บรรจุภัณฑ์บางเฉียบ ความสูงของลอนเพียง 1 มิลลิเมตร แต่ยังคงความแข็งแกร่ง ที่สำคัญ SCGP ยังทำหน้าที่เป็น One Stop Service หรือเป็นคู่คิดช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ธุรกิจของลูกค้า ไปจนถึงออกแบบการพิมพ์เพื่อช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตไปด้วยกัน  

 

To Be Better ‘คิดให้จบ วนให้ครบ ใช้ให้คุ้ม’  
โซนเกือบสุดท้ายจะมีตู้รับกระดาษรีไซเคิลที่ SCGP นำไปติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อรับบริจาคกระดาษจากผู้ใช้งานตรง งานนี้จึงยกตู้จริงมาให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทดลองใช้จริง วิธีการง่ายๆ คือแค่สแกนแผ่น QR Code ที่สอดไว้หน้าตู้ แล้วกดปุ่มตามคำสั่ง ช่องใส่กระดาษก็จะเปิดออกอัตโนมัติ เครื่องนี้รองรับกระดาษใดๆ ก็ได้ จะเป็น A4 ในออฟฟิศ บิลค่าไฟ หรือกล่องลังก็นำมาหย่อนได้ จากนั้นกดปุ่ม ‘เสร็จสิ้น’ ช่องก็จะปิด พร้อมแสดงข้อมูลหน้าจอว่ากระดาษที่ใส่ไปหนักเท่าไร เทียบได้กับการลดการตัดต้นไม้เพื่อนำมาผลิตสินค้าใหม่ได้กี่ต้น รู้สึกเหมือนได้ช่วยต้นไม้ทันที ซึ่งกระดาษที่ SCGP ได้ไปก็จะนำไปรีไซเคิลเป็นบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ถ้าเป็นกระดาษลังก็วนกลับมาเป็นกล่องกระดาษ ถ้าเป็นกระดาษ A4 ก็วนกลับมาเป็น A4 เหมือนเดิมภายใต้แบรนด์ Idea Green ส่วนตระกร้าสานหรือขวด PCR ที่เห็นก็เป็นผลงานการรีไซเคิลจากวัสดุต่างๆ ของ SCGP เช่นกัน 

 

 

บรรจุภัณฑ์ที่ดีต้องตอบโจทย์การใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์ และต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เมื่อเดินครบทุกโซนก็ยิ่งเห็นภาพบรรจุภัณฑ์แทรกซึมอยู่ในทุกกิจกรรมชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปแบบการใช้ชีวิตในยุค New Normal ที่ผู้คนคุ้นชินกับการทำกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น มองหาความสะดวกสบายมากขึ้น ซื้อของออนไลน์ สั่งอาหารเดลิเวอรี ส่งผลให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและธุรกิจอาหารที่ปรับตัวมาขายแบบเดลิเวอรีได้รับอานิสงส์ไปด้วย 

หากดูแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคใน 5 ประเทศหลักในภูมิภาคอาเซียน (ประเทศไทย, ประเทศเวียดนาม, ประเทศอินโดนีเซีย, ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย) ตัวเลขปี 2562 ประชากรประมาณ 578 ล้านคน พบว่าเทรนด์การเติบโตของผู้บริโภคในอาเซียนมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่คาดว่าปี 2562-2567 จะเติบโตประมาณ 30% ซึ่งไลฟ์สไตล์ที่ปรับเปลี่ยนส่งผลต่อการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลที่น่าสนใจคือการบริโภคที่มีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อมก็เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลกลายเป็นที่ต้องการของตลาด 

เท่ากับว่าจากนี้ไป นอกจากบรรจุภัณฑ์ที่ดีต้องตอบโจทย์การใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์แล้ว ในยุคที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ ผู้บริโภคเองก็เริ่มมองหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์เหล่านี้ก็เท่ากับเราได้มีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ทำให้ธุรกิจต่างๆ นำปัจจัยนี้มาเป็นโจทย์หลักในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ สร้างสรรค์โซลูชันที่หลากหลายเพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม  

 

 

SCGP เองก็ไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรม นำเสนอบรรจุภัณฑ์และโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ออกสู่ตลาดเสมอ จึงสามารถครองตำแหน่งผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบัน SCGP เป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน มีบรรจุภัณฑ์ที่ครอบคลุมและหลากหลาย เป็นผู้ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์เพียงไม่กี่รายในภูมิภาคนี้ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตามความต้องการ โดยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 สามารถทำรายได้กว่า 45,903 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 11% 

 

 

 

นอกจากนี้ SCGP ยังมีความพร้อมด้านบุคลากรในแต่ละฝ่ายที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด มีหน่วยงาน Inspired Studio ออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยมีนักออกแบบ 36 คน นักวิจัยและพัฒนา 90 คน ที่ทำการค้นคว้าวิจัยใน 12 ประเภท พนักงานขายและบริการลูกค้า 500 คน ภายใต้งบประมาณที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนากว่า 500 ล้านบาทต่อปี จึงทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนการให้บริการได้อย่างรวดเร็ว และจนถึงวันนี้ SCGP ก็เป็นเจ้าของสิทธิบัตร 66 รายการ 

 

 

ปัจจุบัน SCGP มีลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยเป็นการผสมผสานระหว่างลูกค้าบรรษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก บริษัทชั้นนำในแต่ละประเทศ ไปจนถึงกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

ในอนาคต SCGP ยังเสริมศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุนใน 4 โครงการที่ทยอยแล้วเสร็จในปี 2563-2564 เงินลงทุนรวมประมาณ 8,200 ล้านบาท ได้แก่ การขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม และการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลิปปินส์ 

ทั้งข้อมูลที่ได้ฟังและบรรจุภัณฑ์ที่เห็นในนิทรรศการทั้งหมดนี้คงจะคลายข้อสงสัยใคร่รู้ได้ครบจบแบบไม่มีข้อกังขาใดๆ ถึงการเติบโตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ รวมถึงทิศทางในอนาคตของธุรกิจที่ไม่ว่าอย่างไร ‘บรรจุภัณฑ์’ ในทุกรูปแบบก็จะเป็นสิ่งสำคัญและอยู่เคียงข้างทุกการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง

ที่มา : https://www.facebook.com/permalink.php?id=1683658098593742&story_fbid=2563500340609509

SCG signs MoU to collaborate the research and development of Modified Atmosphere Packaging for fresh agricultural products

News

SCG signs MoU to collaborate the research and development of Modified Atmosphere Packaging for fresh agricultural products

Loading Data...

 Recently, SCGP represented by Mr. Wichan Jitpukdee, Chief Executive Officer and Mr. Karan Tejasen, Chief Operating Officer Performance and Polymer Packaging Business signed Memorandum of Understanding (MoU) for Research and Development with Naresuan University represented by Asst. Prof. Dr. Piratorn Punyaratabandhu, Vice President of Naresuan University and Asst. Prof. Dr. Peerasak Chaiprasart, Dean, Faculty of Agriculture, Natural Resources and Environment. The signing was witnessed by Prof. Emeritus Kasem Watanachai, M.D., Chairman of SCG’s CSR Committee for Sustainable Development.

With this cooperation, both organizations will join hand in researching and developing Modified Atmosphere Packaging (MAP), containing fresh agricultural products for export. The packaging is able to absorb ethylene and help prolong the freshness and prevent quality decline in fresh fruits and vegetables. Currently, the university is studying the use of MAP with Barracuda mangoes. Laser Perforation and Compounding technologies from Product and Technology Development Center, SCGP are also used in the packaging design and production process. The MoU signing is a good start for mutual support and research expansion in order to upgrade and promote the food and fresh agricultural product industry, which is considered the main industry of Thailand.

Related Contents

Loading Data...

SCGP wins National Innovation Awards 2020 in category of Product and Service Design from Detect Odor & Monitoring (DOM)

News

SCGP wins National Innovation Awards 2020 in category of Product and Service Design from
Detect Odor & Monitoring (DOM)

Loading Data...

On October 5, 2020, SCGP represented by Dr. Pongsuda Pongtanya, Director – Product & Technology Development Center, together with Dr. Thipnakarin Boonfueng, Senior Researcher won the National Innovation Awards 2020 in the category of Product and Service Design from “Detect Odor & Monitoring (DOM)”, a complete odor detection and monitoring system. Mr. Don Pramudwinai Deputy Prime Minister and the Minister of Foreign Affairs granted the award.

Detect Odor & Monitoring (DOM) is a total solution for odor monitoring services. It can identify and assess impacts of the odors from their main contribution sources. Its function includes real-time monitoring of odors, gases, and air pollution. The results and daily weather conditions will be analyzed together and visualized in the convenient and easily accessible DOM web platform. The system can send a warning message, alarming when there is a potential risk of odor nuisance problem. With the machine learning applied to create a database for odor identification, DOM web platform can more accurately and quickly process and analyze information in the future.

This is the second time that SCGP received the Winning prize in the National Innovation Awards. The first time was in 2010 winning in the category of Economic contribution from “TextPro”, printing paper for textbooks. The awards demonstrate SCGP’s commitment to continuously conduct research and create innovations for better products and services in order to serve the needs of all customers, and sustainably contribute to community and society.

Related Contents

Loading Data...

INVESTOR RELATIONS Boost Confidence via Factual Storytelling

ข่าว

INVESTOR RELATIONS Boost Confidence
via Factual Storytelling

SCGP INVESTOR RELATIONS สร้างความเชื่อมั่นด้วยบทบาท Factual Storytelling
Loading Data...

As SCG Packaging is officially on its way into the Thai stock market, it is now preparing itself for initial public offering (IPO). At such crucial juncture, it is necessary for the firm to communicate efficiently with investors/stakeholders. The firm’s Investor Relations (IR) team, therefore, has got a big role to play. In this volume, a LOT interviews the firm’s Investor Relations Director Wachara Iamsakun and Investor Relations Associate Directors Vikorn Phongsathorn, Panadda Sukpanthavorn and Vimonmarn Krishnakalin to get to know more about their unit.

Investor Relations – Roles and Challenges
The IR team says the firm’s shares will be sold at IPO so as to raise fund for its business growth. In this regard, IR team is responsible for releasing accurate and complete key information such as information on SCG Packaging’s business operations, products and services, competitiveness, and potential for investors, analysts, and stakeholders to make a decision.
Major challenges for the task surround the mission to promote the right understanding among outsiders. “IR is a link between outsiders and the firm. We have to engage in two-way communications with the right balance. We communicate with both outsiders and our own staff. Information received from others must be communicated to SCG Packaging so that the firm can make improvements,” Panadda explains.

Knowing SCG Packaging & Understanding Investors
Vikorn says IR team focuses on “giving information in an easy-to-understand way, making listeners see the picture,” and keeping pace with trends and consumers’ changing behaviors.
“We have also customized our delivery of information to suit the needs of each target,” he reveals.
Vimonmarn adds that, “Communications with outsiders let us see the actual value of our own firm. When outsiders have questions, we will find out answers for them.”

Flexible & Ready for Anything
COVID-19 has changed the IR team’s way of working significantly. Team members, however, have overcome emerging obstacles on the basis of flexibility and ability to adapt fast to new circumstances.
Panadda considers flexibility, teamwork and communication skills as key factors to keep works going during COVID-19 situation.
“Everyone must be dynamic and able to work from anywhere. We may not be able to host any big events these days. But with internet and smartphones, we can organize virtual meetings,” Vikorn says.

Mellow Blend of Differences
All members of the IR team have abilities and knowledge useful to its mission. Although they are not similar in all aspects, their differences prove to be assets.
“Differences, when blended, are mellow,” Wachara says. Panadda, meanwhile, says her team members are open-minded, ready to take up challenges, and have positive thinking.
“Teamwork and Handle with Care makes us work so happily,” she quips.
Vikorn says the IR team looks for diversity and outgoing personality from its members too.
“Our members can come together, like different LEGO pieces, and form a formidable structure,” Wachara says.

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Loading Data...

เอสซีจี แพคเกจจิ้ง แนะนำสินค้าใหม่ ฉากกั้น U-SPACE หลากหลายรูปแบบ รองรับวิถีชีวิต NEW NORMAL

เอสซีจี แพคเกจจิ้ง แนะนำสินค้าใหม่ ฉากกั้น U-space by Doozy Pack ของดีที่ธุรกิจและผู้ประกอบการประเภทต่าง ๆ ต้องมีเพื่อรองรับวิถีชีวิต New Normal ที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม โดย U-Space by Doozy Pack เป็นฉากกั้นที่ทำจากกระดาษลูกฟูก ออกแบบให้มีหลายขนาด และหลายรูปแบบ เช่น ตั้งทรงตัวยู ตัวแอล และตัวไอ เพื่อให้ลูกค้านำไปใช้ได้ในทุกพื้นที่อย่างไม่จำกัด ติดตั้งง่าย สะดวก พับเก็บได้ ไม่เปลืองพื้นที่ อีกทั้งมีลวดลายให้เลือกหลายสไตล์ตามความชอบ นอกจากนี้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ สามารถเลือกสรรได้แล้ววันนี้ ผู้ที่สนใจแอดไลน์สอบถามได้ที่ @doozypack หรือที่ www.facebook.com/DoozyPack/

เอสซีจี แพคเกจจิ้ง สนับสนุนถุงกระดาษในโครงการ “รวมพลังใจ สู้ภัยโควิด” ให้แก่โรงพยาบาลศิริราช สำหรับนำไปใส่ยาให้แก่ผู้ป่วย

เอสซีจี แพคเกจจิ้ง นำโดย คุณเอกราช นิโรจน์ Marketing Director บริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด มอบถุงกระดาษในโครงการ “รวมพลังใจ สู้ภัยโควิด” จำนวน 900 ถุง ให้แก่โรงพยาบาลศิริราช โดยมี รศ.นพ.เชิดชัย นพมณีจำรัสเลิศ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช เป็นตัวแทนรับมอบ สำหรับนำไปใช้ใส่ยาให้กับผู้ป่วยที่มารับบริการ และใช้ประโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ ภายในโรงพยาบาล เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อโรคโดยตรง รวมทั้งเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ป่วยในการรับยากลับบ้านอีกด้วย

เอสซีจี แพคเกจจิ้ง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและช่วยเหลือสังคมให้ก้าวข้ามผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” พัฒนาโดยเอสซีจี ลดเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ติดตั้งที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี เป็นแห่งที่ 14

กาญจนบุรี – 29 พฤษภาคม 2563: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน“ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” เป็นแห่งที่ 14 ให้แก่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งใน “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้โรงพยาบาลต่าง ๆ 20 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเสริมความพร้อมหากมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ทั้งนี้โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ให้บริการผู้ป่วยในเขตจังหวัดกาญจนบุรี 13 อำเภอ และจังหวัดใกล้เคียง อีกทั้งเป็นศูนย์รับ-ส่งต่อผู้ป่วยในเขตจังหวัดกาญจนบุรี และเนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยว รวมทั้งมีชายแดนติดต่อกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทำให้ในแต่ละวันมีผู้ป่วยทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามารักษาเป็นจำนวนมาก โดยห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ห่างออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมกับมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ซึ่งสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้อย่างรวดเร็วภายใน 3 วัน เพื่อให้พร้อมบริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ทันที ยังความปลื้มปีติแก่ทีมแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น โดยมี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์สมเจตน์ เหล่าลือเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา นายประกอบ พิกุลกานตเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) ในเอสซีจี แพคเกจจิ้ง ร่วมพิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว

นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา และพสกนิกรจังหวัดกาญจนบุรีอย่างหาที่สุดมิได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ รวม 20 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ซึ่งได้รับพระราชทานเป็นแห่งที่ 14 บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา และประชาชนทุกคน รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และจะนำนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุดเต็มกำลังความสามารถ และเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็นแนวหน้า อีกทั้งเป็นกำลังหลักในการรักษาผู้ป่วยให้มีขวัญ มีกำลังใจ และมีความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต่อไป”

ด้านนายแพทย์นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า “สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรีพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล้วนรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีต่อการแพทย์และการสาธารณสุขไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ ห้องพระราชทานนี้ นับเป็นประโยชน์มหาศาลแก่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ในการเพิ่มความพร้อมและสามารถรับมือกับโรคระบาดซึ่งใช้เวลาก่อสร้างอย่างรวดเร็วและใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังสามารถปรับเป็นห้องตรวจผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจได้เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ทำให้โรงพยาบาลให้บริการสาธารณสุขที่ดีแก่ประชาชน อันเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม”

นายแพทย์สมเจตน์ เหล่าลือเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา กล่าวว่า “โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เป็นโรงพยาบาลทั่วไป ขนาด 8,540 เตียง ให้บริการผู้ป่วย ในเขตจังหวัดกาญจนบุรี 13 อำเภอ และจังหวัดใกล้เคียง และเป็นศูนย์รับ-ส่งต่อผู้ป่วยในเขตจังหวัดกาญจนบุรี ในแต่ละวันมีจำนวนผู้ป่วยมารับบริการเป็นจำนวนมากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเพราะเนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้ป่วยนอกเฉลี่ย 2,223 รายต่อวัน จำนวนผู้ป่วยในเฉลี่ย 587 รายต่อวันจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 และการให้บริการแบบเดิมมีลักษณะแออัด ในบริเวณพื้นที่จำกัดของโรงพยาบาล และมีข้อจำกัดด้านปริมาณของเจ้าหน้าที่และบุคคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ มีผลกระทบต่อการรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างยิ่ง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อจังหวัดกาญจนบุรี บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อย่างหาที่สุดมิได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ รวม 20 แห่งทั่วประเทศ รวมถึง โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา กาญจนบุรี ซึ่งได้รับพระราชทานเป็นแห่งที่ 14 คณะผู้บริหาร และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และจะนำนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด เต็มกำลังความสามารถ และเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็นแนวหน้า อีกทั้งเป็นกำลังหลักในการรักษาผู้ป่วยให้มีขวัญ มีกำลังใจ และมีความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต่อไป”

ขณะที่นายประกอบ พิกุลกานตเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) ในเอสซีจี แพคเกจจิ้ง กล่าวว่า “เอสซีจี รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้มีส่วนร่วมในการผลิตนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) เพื่อช่วยปกป้องแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการตอบแทนความเสียสละและอุทิศตนของท่านทั้งหลายที่ได้ช่วยกันดูแลรักษาผู้ป่วย และยังช่วยปกป้องประชาชนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ โดยห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวพัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ซึ่งได้ออกแบบให้มีระบบที่จะช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย มีระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ภายในอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้มากขึ้น สำหรับห้องตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ได้ติดตั้งในบริเวณหน้าอาคารผู้ป่วยนอก 2 เพื่อให้ขั้นตอนการตรวจคัดกรองผู้ป่วยและการตรวจหาเชื้อดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้ว่าพื้นที่ติดตั้งจะมีข้อจำกัด เนื่องจากเป็นพื้นที่แคบ แต่ด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่งของทางโรงพยาบาล ประกอบกับประสบการณ์และความชำนาญของทีมติดตั้ง จึงทำให้การดำเนินการต่าง ๆ สำเร็จลงภายในเวลาเพียง 3 วัน พร้อมที่จะให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที”

นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจพร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้ โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต และยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว ทั้งนี้ ทั้งนี้ โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศ ที่ได้รับพระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” พัฒนาโดย “เอสซีจี” ได้แก่ 1. รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ 2. รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว 3. รพ.กลาง 4. สถาบันโรคทรวงอก 5. สถาบันบำราศ-นราดูร 6. รพ.พุทธชินราช พิษณุโลก 7. รพ.ตำรวจ 8. รพ. ราชบุรี 9. รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 10. รพ.นครปฐม 11. รพ.อุตรดิตถ์ 12. รพ.สวรรค์ประชารักษ์ 13. รพ.นครพิงค์ 14. รพ.พหลพลพยุหเสนา 15. รพ. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 16. รพ.อุดรธานี 17.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 18. รพ.สุราษฎร์ธานี 19. รพ.หาดใหญ่ และ 20. รพ.สงขลานครินทร์

เอสซีจี แพคเกจจิ้ง มอบ “ถุงซักผ้าละลายน้ำได้” เพื่อลดการสัมผัสเสื้อผ้าติดเชื้อโรคโควิด-19 เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกให้บุคลากรทางการแพทย์

นายกรัณย์ เตชะเสน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ เอสซีจี แพคเกจจิ้ง และ นายภราดร จุลชาต กรรมการผู้จัดการ บริษัทพรีแพค ประเทศไทย จำกัด ในเอสซีจี แพคเกจจิ้ง มอบบรรจุภัณฑ์ถุงซักผ้าละลายน้ำได้ จำนวน 4,000 ถุง ให้แก่ อ.นพ.ลือชา บุญทวีกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม และผู้บริหารของโรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้โรงพยาบาลนำถุงซักผ้าละลายน้ำได้ไปใช้บรรจุเสื้อผ้าใช้แล้วที่อาจมีเชื้อปนเปื้อน และนำไปใส่เครื่องซักผ้าได้ทันที โดยถุงซักผ้าจะละลายน้ำได้เองในระหว่างการซักโดยไม่เหลือสารตกค้าง ผู้ทำหน้าที่ซักผ้าจะมีความปลอดภัยมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรคที่ติดอยู่บนเสื้อผ้า

ถุงซักผ้าละลายน้ำได้ เป็นสินค้าใหม่ของเอสซีจี แพคเกจจิ้ง ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยทีมงานได้นำความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์มาพัฒนาคุณสมบัติของฟิล์มบรรจุภัณฑ์ให้สามารถละลายน้ำได้ จึงนำมาออกแบบเป็นถุงซักผ้า เพียงนำถุงซักผ้าละลายน้ำที่บรรจุผ้าเปื้อนใส่เข้าเครื่องซักผ้าโดยไม่ต้องเปิดปากถุงหรือแยกผ้าออก ในขั้นตอนการซักล้าง ถุงจะค่อย ๆ ละลายน้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสมจนหมดภายใน 3-15 นาที ผ้าเปื้อนด้านในจะเริ่มสัมผัสกับน้ำและน้ำยาซักล้างตามกระบวนการซักล้างปกติ โดยไม่เหลือสารตกค้างซึ่งผ่านการทดสอบแล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ได้เริ่มจำหน่ายแล้วให้กับโรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ นอกจากนี้ เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ยังมีเป้าหมายในการพัฒนาฟิล์มบรรจุภัณฑ์ละลายน้ำนี้ให้สามารถนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค การผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ บริษัทพรีแพค ประเทศไทย จำกัด ในเอสซีจี แพคเกจจิ้ง อีเมล [email protected]