SCGP Newsroom

SCGP IPO Roadshow Exhibition ท้าทายทุกความสำเร็จด้วย “Growth Mindset”

SCGP IPO Roadshow Exhibition ที่สร้างสรรค์บนพื้นที่กว่ 1,000 ตารงเมตร สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นที่ SCGP ตั้งใจถ่ายทอดแนวคิดออกมาเป็นรูปธรรมให้ผู้บริโภคเข้าใจ งานนี้จึงเปรียบสมือนบททดสอบการเติบโตทางความคิดของทีมที่ต้องก้าวข้ามทุกความท้าทายของงานครั้งนี้ภายในระยะเวลาอันจำกัด P-DNA ฉบับนี้จึงชวนทีมผู้ร่วมสร้างสรรค์ Exhibition ดังกล่าวมาร่วมพูดคุยถึงกระบวนการทำงานและเส้นทางที่พวกเขาวางแผนไว้ เพื่อให้ทุกคนในงานได้ร่วมเดินทางสู่การเติบโตไปอีกก้าวของธุรกิจ SCGP ในฐานะผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในทุกเจเนอเรชั่น

 

Packaging in Everyday Life

เป้าหมายหลักของการจัดงาน SCGP IPO Roadshow คือ การเชิญชวนให้นักลงทุนได้เข้ามาทำความรู้จักบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP อย่างเจาะลึกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องลักษณะของธุรกิจและการเติบโตต่อไปข้างหน้า โดยมุ่งเน้นไปที่การตอบโจทย์ผู้บริโภค ทีมจึงเลือกออกแบบงาน Exhibition ในครั้งนี้ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Packaging in Everyday Life” เพื่อให้ผู้มาร่วมชมงานได้เห็นว่า บรรจุภัณฑ์เป็นเรื่องใกล้ตัวและอยู่ร่วมกับเราในชีวิตประจำวัน

 

“ถ้าเรามองรอบตัว 360 องศา เราจะสังเกตว่า สิ่งที่เราหยิบจับ สิ่งที่เราใช้ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร แก้วกาแฟ ถุงข้าว ถุงช็อปปิ้ง กล่องพัสดุส่วนใหญ่คือแพคเกจจิ้งเกือบทั้งนั้น หลายคนอาจไม่เคยรู้ ไม่เคยสังเกต แต่เมื่อได้มาชม Exhibition แล้วทุกคนหยุดดู สำรวจตัวเอง จะพบว่า SCGP มีสินค้าและบริการด้านแพคเกจจิ้งที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ในทุกมิติของการดำเนินชีวิต

 

“การคิด Exhibition เราใช้หลักการ Customer Centric แบบเดียวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ลูกค้า คือมองจากมุมของลูกค้าว่า เมื่อเขาเดินเข้ามา ชมบูธต่าง ๆ เขาจะได้อะไร แล้วเราจะสื่อสารออกมาแบบไหนให้เข้าใจง่าย เราเลยนำคอนเซ็ปต์ Packaging in Everyday Life มาบวกกับคีย์เวิร์ดสำคัญของ SCGP นั่นคือ การเป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในอาเซียนที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกเจเนอเรชั่น แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นเส้นเรื่องที่จำลองชีวิตของคนคนหนึ่งว่า ในทุกย่างก้าวของเขาได้พบเจออะไรบ้าง เริ่มจากชีวิตส่วนตัว การเดินทาง การทำงาน การรับประทานอาหาร การจับจ่ายใช้สอย ตลอดจนการขนส่งสินค้า และคุณค่าที่เขาต้องการคืออะไรเช่น ปัจจุบันไลฟ์สไตล์เป็นครอบครัวเล็ก เราจึงจำลองภาพเป็นคอนโดมีพ่อแม่ลูกที่ต้องการความสะดวกสบาย เราก็มีบรรจุภัณฑ์ EzySteam ที่ช่วยลดขั้นตอนในการอุ่น เพียงเวฟแค่ 2 นาที่ก็กินได้ แถมยังคงความนุ่มอร่อยอยู่ หรือเทรนด์ของอีคอมเมิร์ช ช็อปปิ้งออนไลน์กำลังมาแรง กล่องพัสดุต่าง ๆ ที่กองอยู่ในบ้าน เราก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น

“เมื่อออกไปข้างนอก ความปลอดภัยทุกย่างก้าวเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องอาหารการกิน การปกป้องสินค้าให้ปลอดภัย มีการจำลองซูเปอร์มาร์เก็ตให้เห็นบรรจุภัณฑ์หลากหลายที่เราเป็นโซลูชันที่มากกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไปแฝงไปด้วยการออกแบบทั้งด้านโครงสร้างและดีไซน์สวยงาม ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน

 

“สุดท้ายแล้วเราก็ต้องไม่ลืมสิ่งที่เราเป็น นั่นคือ เรื่องของนวัตกรรมและความยั่งยืน ในส่วนของนวัตกรรม เราจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพที่เรามี ต่อยอดไปพัฒนาเป็นสินค้าและบริการที่หลากหลาย ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงบรรจุภัณฑ์ แต่เราต่อยอดสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเชี่ยวชาญให้กลายเป็นอะไรที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น เช่น เราสามารถต่อยอดไปสู่การทำเจลแอลกอฮอล์สูตร Aquacella จากยูคาลิปตัส อุปกรณ์ยึดบาดแผลโดยไม่ต้องเย็บ แผ่นกรอง หน้ากากอนามัย เป็นต้น และแก่นสำคัญของความยั่งยืน คือ แนวคิด (Mindset) ที่ไม่เหมือนใคร SCGP มุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบของการดำเนินงานตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เราคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมตลอดเวลาในทุกกระบวนการ จึงเป็นที่มาของคำว่า คิดให้จบ วนให้ครบ ใช้ให้คุ้ม

 

เส้นทางสู่การเติบโต…อย่างยั่งยืน

อีกเรื่องหนึ่งที่ SCGP อยากสื่อสารไปถึงกลุ่มนักลงทุนและผู้บริโภคมากที่สุดคือ “การเติบโตอย่างยั่งยืน” (Journey of Growth) เป็นการสรุปแนวคิดทั้งหมดให้ผู้มาร่วมงานได้เข้าใจก่อนที่จะเข้าไปสู่เนื้อหาในงานเปิดตัวบนเวทีโดยบุคคลสำคัญ

 

“อุโมงค์ Journey of Growth เป็นนิทรรศการส่วนสุดท้ายที่เราตั้งใจให้เป็นพื้นที่สรุปเรื่องราวทั้งหมดของ Exhibition ว่า เราจะเติบโตและก้าวไปด้วยกันได้อย่างไร เป็นการช่วยขมวดปมความคิดให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นด้วยว่า SCGP จะเติบโตต่อไปอย่างแน่นอน เพราะเรามี Growth ที่ชัดเจนนั่นคือ การเข้าไปป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คน ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนของ SCGP ได้อย่างครบถ้วน”

 

ความท้าทายทุกตารางนิ้ว

พื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร คือโจทย์แรกที่ท้าทาย เพราะพวกเขาต้องระดมความคิดกันอย่างหนักว่า Exhibition ที่จะเกิดขึ้นต้องมีความเหมาะสมกับพื้นที่ ตรงตามคอนเซ็ปต์ไอเดียที่จะสื่อสารออกไป และยังต้องมีความเป็นไปได้ในการทำให้เป็นจริงด้วย ซึ่งนับจากวันแรกที่ทีมได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานครั้งนี้ ทีมบอกอย่างภาคภูมิใจว่า ในทุกวัน ทุกพื้นที่ของการทำงาน สิ่งที่ดูคล้ายกับปัญหาหรืออุปสรรคที่พบระหว่างทางนั้น สำหรับพวกเขาคือ “ความท้าทาย”

 

“Over scale Landmark ด้านหน้า เป็นสิ่งที่เราตั้งใจแสดงถึงศักยภาพของการสร้างสรรค์งานจากกระดาษและความสามารถในการออกแบบของดีไซเนอร์เรา เพราะทั้งชิ้นงานนั้นเราออกแบบจากกระดาษทั้งหมด ขั้นตอนในการทำนั้นจะต้องออกแบบแต่ละชิ้นให้เหมาะสมกับความสามารถของเครื่องจักร ต้องทลายข้อจำกัดที่เกิดขึ้นอย่างไร ต้องมีชิ้นส่วนเท่าไร และประกอบขึ้นรูปอย่างไร ที่เห็นนั้นคือเราต้องใช้คนช่วยกันยก ช่วยกันประกอบไม่น้อยกว่าสิบคน ซึ่งแน่นอนต้องมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบงานนี้”

 

“Social Distancing คือความท้าทายสำคัญอีกอย่าง การดีไซน์รูปแบบงานการจัดบูธให้รองรับคนได้พอดี ไม่แน่นเกินไป รวมถึงการคิดวิธีการนำเสนอข้อมูลที่ต้องดึงคนดูให้ได้ภายในเวลาจำกัด เพื่อลดความแออัดในการชมบูธทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราต้องมองในภาพใหญ่ รวมถึงการบริหารเวลาและบริหารทีมให้จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในเวลาอันจำกัด ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเข้ามา

 

“จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนตอนนั้น สิ่งที่เราคิดหรือวางแผนไว้ สุดท้ายอาจจะไม่ได้เป็นตามที่หวัง เช่น ต้องจัดแบบออนไลน์อย่างเดียว ซึ่งเราได้รับการยืนยันว่าสามารถจัดงาน IPO ตามแผนนี้แน่นอนเพียง 3 วันเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่เราพร้อมรับและปรับเสมอ ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยหยุดคิดหรือหยุดทำงานเลย พวกเราต้องประชุมงานผ่านออนไลน์ตลอดเวลา ทำให้การส่ง Message ให้เข้าใจตรงกันเป็นเรื่องยาก วิธีแก้ไขคือ ทุกครั้งที่สื่อสารกัน เราต้องให้รายละเอียดงานที่มากขึ้น สรุปสิ่งที่คุยเป็นลายลักษณ์อักษร และหาวิธีสื่อสารที่เหมาะสมกับแต่ละคน นอกจากนี้ รูปแบบงานที่เป็นไฮบริดอีเว้นต์นั้นมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เราต้องให้ MC ทำหน้าที่เป็นตัวแทนลูกค้าที่เข้าไปสอบถามบริการต่าง ๆ เสมือนลูกค้าได้มาชมงานด้วยตนเอง

การออกแบบบูธก็ต้องเป็นไปได้ในรูปแบบของงานจากกระดาษเป็นหลักไม่เล็กเกินไป ความสูงพอหมาะ และต้องควบคุมงบประมาณได้ ทั้งหมดนี้มันคือพื้นที่ของความท้าทายจริง ๆ ซึ่งเรามีหน้าที่บาลานซ์สิ่งเหล่านั้นให้ออกมาสำเร็จ

 

Growth Mindset คือกุญแจสู่ความสำเร็จ

ภายใต้ข้อจำกัดมากมายของการจัดงาน เมื่อเราถามทีมว่า อะไรคือ Key to Success ที่ทำให้พวกเขาก้าวข้ามความท้าทายเหล่านั้นมาได้ พวกเขาต่างยิ้มและตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งนั้นคือ “Growth Mindset”‘

 

“การมองปัญหาที่เกิดขึ้นในงานว่าเป็นความท้าทาย มันคือ Growth Mindset อย่างหนึ่งที่ทีมของเราได้เรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เรามีกำลังในการคิดหาโซลูชันที่จะช่วยให้ผ่านโจทย์แต่ละโจทย์ไปได้ ไม่ยอมแพ้ไปกับปัญหาเพราะงานนี้มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น วิธีคิดในการทำงานของทุกคนจึงต้องยืดหยุ่นไปกับปัญหาและเตรียมแผนรองรับในทุกสถานการณ์ตั้งใจทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด และต้องพร้อมที่จะปล่อยวางเรื่องบางเรื่องให้ได้ด้วย

 

“นอกจากนี้ Collaboration and Teamwork ก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญเพราะงานของเราคงสำเร็จไม่ได้ ถ้าทุกคนในทีมไม่ร่วมมือและมองไปยังเป้าหมายเดียวกัน ตลอดการทำงานมันต้องอาศัยทั้งการเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เคารพในความคิดเห็นของเพื่อนร่วมทีม รู้จักดึงจุดแข็งของแต่ละคนมาปรับใช้ หรือถ้ามีคนท้อ เราก็ต้องให้กำลังใจ เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนทั้งคนทั้งงาน สำเร็จควบคู่ไปด้วยกัน

 

“แม้การทำงานครั้งนี้จะมีปัจจัยหลายอย่างที่กดดันเรา ทำให้เราแทบไม่ได้หยุดคิดแก้ปัญหา แต่พอมันผ่านไปได้ความคิดของเราก็จะไม่จำกัดอยู่ที่เดิม เพราะเรามี Growth Mindset ที่อยากจะเปลี่ยนทุกความยากความท้าทายให้เป็นความสำเร็จ สุดท้ายพวกเรารู้สึกภูมิใจทั้งกับตัวงานและกับทีมงาน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับโอกาสให้รับผิดชอบงานนี้ เราได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากพี่ ๆ Leader ที่คอยช่วยเหลือ ตัดสินใจ และสนับสนุนไอเดีย SCGP IPO Roadshow ถือเป็นงานที่สำคัญต่อองค์กรมากและทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนได้เติบโตไปพร้อมกับ SCGP อีกด้วย”

Leave a comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *