SCGP Newsroom

ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง – อาณาจักรขนมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และดูแลโลกไปด้วยกัน

 

จากแนวคิด “อร่อย มีประโยชน์ ในราคาที่จับต้องได้” เป็นที่มาทำให้บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมตราเจเล่และเบนโตะ รวมถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพอีกมากมายหลายชนิดที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาตลอด 30 ปี
ในครั้งนี้ เราได้รับเกียรติจากคุณฐากร ชัยสถาพร – รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารธุรกิจ 2 มาร่วมพูดคุยถึงกลยุทธ์และเส้นทางการต่อยอดธุรกิจของครอบครัวให้กลายเป็นอาณาจักรขนมอร่อยที่อยู่ในใจคนไทยทุกเพศทุกวัย

 

ต่อยอดธุรกิจครอบครัว สู่แบรนด์ชั้นนำในใจคนไทย

จากร้านยี่ปั๊วขายขนมในตลาดมหานาค ที่มีฐานลูกค้าแรกเริ่มเฉพาะคนกรุงเทพฯ สู่ร้านค้าส่งขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศในอีก 10 ปีให้หลัง พร้อมขยายฐานลูกค้าไปทุกจังหวัด และพัฒนาธุรกิจจนกระทั่งเป็นผู้ผลิตขนมรายใหญ่  เช่น เมล็ดแตง เวเฟอร์ ขนมปังบิสกิต ขยายการเติบโตส่งออกสินค้าไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งช่วงเวลานั้นเองที่คุณฐากรได้เริ่มเข้ามาช่วยดูแลกิจการ

“ผมกลับจากเรียนต่อที่ต่างประเทศเมื่อปลายปี 2533 มาช่วยดูแลบริษัท ตอนนั้นคิดจะขายสินค้าเองในเมืองไทย และมองว่าตลาดห้างกำลังมา จึงเปิดบริษัทศรีนานาพรและตั้งแบรนด์สินค้าชื่อ Good Good เป็นแบรนด์ผลไม้อบแห้ง จากนั้นก็ซื้อเครื่องจักรผลิตเยลลี่เพิ่ม เริ่มทำตลาดห้างด้วยแบรนด์เจเล่ในปี 2535 มีกิจกรรมทางการตลาดเสริมด้วย ทำให้เจเล่ได้ผลตอบรับจากผู้บริโภคดีพอสมควร มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2

“ประกอบกับช่วงนั้นผงบุก หรือคอนยัคกุกำลังมาแรง จึงนำมาพัฒนาเป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ เจเล่ ไลท์ โดยใช้คอนเซปต์ ‘อร่อย สดชื่น อยู่ท้อง’ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ในตอนนั้นตลาด functional กำลังมาแรง เราจึงพัฒนาสินค้าต่อเนื่องโดยเติมสารอาหาร เช่น คอลลาเจนและวิตามินต่าง ๆ ลงไป จนเป็นที่มาของเจเล่บิวตี้ ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นเบอร์ 1 ของตลาดเยลลี่พร้อมดื่มนี้

“ส่วนเบนโตะ เราเริ่มปี 2539 เพราะเห็นช่องว่างในตลาดฟิซสแนคซึ่งอร่อยและมีประโยชน์ เลยลองพัฒนารสชาติและแพคเกจจิ้งมาเรื่อย ๆ พร้อมกันนั้นก็ผลิตสินค้าออกมาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นขนมขาไก่แบรนด์โลตัส ขนมปังสับปะรด ขนมปังครีม และขนมปังอบกรอบ  รวมไปถึงสินค้าประเภทเครื่องดื่มอย่างน้ำมะพร้าว น้ำเฉาก๊วย น้ำสมุนไพร ภายใต้แบรนด์เมจิกฟาร์ม และล่าสุด ปี 2563 ได้วางจำหน่ายเครื่องดื่มผสมวิตามินภายใต้แบรนด์ AQUAVITZ

“ทุกช่วงเวลาเป็นแรงบันตาลใจให้สร้างสรรค์ คิดค้น พัฒนา และต่อยอด และด้วยนโยบายที่ชัดเจน เราจึงพัฒนาตลาดอย่างต่อเนื่องโดยสำรวจสถานการณ์ตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่เสมอแล้วนำข้อมูลมาพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และช่องทางจัดจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าพอใจ ถึงวันนี้เรามีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 4 กลุ่มหลัก ๆ คือ 1. กลุ่มเยลลี่ 2. กลุ่มซีฟู้ดสแนค 3. กลุ่มบิสกิตและเวเฟอร์ และ 4. กลุ่มเครื่องดื่ม”
 

ปั้นธุรกิจ สร้างการเติบโต โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

เป้าหมายของศรีนานาพรคือ การเป็นผู้นำด้านการผลิตขนมและเครื่องดื่มในภูมิภาค โดยใช้แนวคิดcustomer centric ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเป็นหลัก ควบคู่ไปกับกรรมวิธีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด

“เราผลิตสินค้าโดยมองที่ความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลักเสมอ คอนเซปต์คือ การผลิตสินค้าที่อร่อยและมีประโยชน์ในราคาที่ผู้บริโภคจับต้องได้ ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากเราจะเป็นผู้ผลิตแล้ว เรายังเป็นคนในสังคม เป็นหนึ่งในประชากรโลก เราจะใช้ทรัพยากรโดยที่ไม่รบกวนโลกมากจนเกินไปได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นมิตรกับโลกให้มากที่สุด

“อย่างเช่นเรื่องแพคเกจจิ้ง เราปรึกษาและพัฒนาร่วมกับ SCGP จนได้ Green Carton แพคเกจจิ้งที่เป็นมิตรกับโลกมากขึ้น สามารถลดการใช้กระดาษลงได้ 30 – 40% โดยที่ยังคงความแข็งแรง ปกป้องสินค้าไปถึงมือผู้บริโภคได้เหมือนเดิม หรือซองเจเล่ เราก็พยายามพัฒนาให้สามารถรีไซเคิลได้มากขึ้น ขณะเดียวกันเราลดการใช้พลังงานนโรงงาน และหันมาใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ในส่วนที่สามารถใช้ได้ ลดการปล่อยของเสีย นำวัสดุกลับมาใช้ไหม่ให้มากที่สุด แต่ยังคงรักษาคุณภาพและมาตรฐานไว้เหมือนเดิม”

พันธมิตรทางธุรกิจ ต้องตอบโจทย์และจริงใจ

จากการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการมองหาพาร์ตเนอร์ที่ตอบโจทย์ได้ ในขณะเดียวกัน การผนึกกำลังกันด้วยความจริงใจก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ความร่วมมือนั้นยั่งยืน

“เราใช้ Green Carton จาก SCGP เป็นหลัก เพราะเราต้องการแพคเกจจิ้งที่ดีและไม่แพงเกินไป เนื่องจากเราขายในราคาที่ไม่สูงมาก SCGP ก็ช่วยตอบโจทย์ได้ครบ ทั้งราคาคุณภาพที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในอนาคตเราวางแผนจะเข้าสู่ตลาดค้าปลีกเพิ่มเพราะเห็นโอกาสในกลุ่ม vending machine แต่การเข้าสู่ตลาดนี้เราต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับการกระจายสินค้าผ่านเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติด้วย ซึ่ง Flexible Packaging ของ SCGP น่าจะเหมาะสมกับช่องทางจัดจำหน่ายที่เราตั้งเป้าไว้ในอนาคตด้วยเช่นกัน

“SCGP กับเราเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมายาวนานด้วย 2 ปัจจัยหลัก ปัจจัยแรกคือ SCGP มีเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากมาย สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตอบสนองความต้องการได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของเรา และปัจจัยที่สองคือ ความจริงใจของ SCGP ในการให้ความร่วมมือและพัฒนาร่วมกับลูกค้า เราได้รับความร่วมมือที่ดีมาก ในอนาคตเราต้องมีการพัฒนาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ เราก็อยากให้ SCGP มาช่วยสนับสนุนต่อไป” คุณฐากรกล่าวทิ้งท้าย

Leave a comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *