🎯SCGP พร้อมไปต่อ มุ่งเติบโตอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน ด้วย 4 กลยุทธ์เพื่อเติบโตปี 2568
.
จากตัวเลขผลประกอบการในปี 2567 ที่ผ่านมา SCGP ทำรายได้อยู่ที่ 132,784 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 3,699 ล้านบาท แม้ว่าจะต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายตาม แต่ตัวเลขการเติบโตก็ถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 3
.
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค อาทิ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงความพยายามผลักดันการขายทั้งตลาดภายในประเทศและประเทศในอาเซียน อย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ก็ส่งผลให้ SCGP ยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำ ในด้านส่วนแบ่งตลาดบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนไว้ได้อีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าผลประกอบการที่เป็นไปในทิศทางที่ดีสำหรับปี 2567 ที่ผ่านมา
.
สำหรับในปี 2568 นี้ SCGP ก็พร้อมที่เดินหน้าพัฒนาธุรกิจเพื่อการเติบโตที่มากยิ่งขึ้นทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงขึ้น ด้วย Progressive Progress in 2025 ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์สำคัญที่ตอบโจทย์ต่อเป้าหมายของ SCGP
📈กลยุทธ์เพิ่มยอดขายและความสามารถในการทำกำไรทั้งในประเทศและในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยจะโฟกัสการขายในประเทศอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เพื่อรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายในการเพิ่ม EBITDA อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท
นอกจากการขายแล้ว SCGP ก็ตั้งเป้าหมายสร้างการเติบโตที่แข็งแรงมากขึ้นในกลุ่มธุรกิจสินค้าที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค อย่างธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ
.
ไม่เพียงเท่านั้นยังวางแผนเพิ่มโอกาสในการเข้าตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงขึ้น อย่างตลาด Healthcare Supplies
🦾People, Operational and Supply Chain Excellence
.
ยกระดับประสิทธิภาพในการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ด้วยการปรับปรุงการบริหารจัดการด้านต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ผ่านเทคโนโลยี Data Analytic ที่จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งด้านข้อมูลตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน และการนำ Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาขยายใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งคาดว่าจากการยกระดับดังกล่าวจะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและลดต้นทุนในปี 2568 ได้ประมาณ 600 ล้านบาท
⭐️Innovation, Solutions & Customer Experience
.
สร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมสินค้า กระบวนการ และการบริการ ที่มีความแตกต่างและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมกับยกระดับประสบการณ์ใหม่ ๆ แก่ลูกค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการรวมถึงความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีการจัดตั้งงบประมาณและค่าใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 1 โดยประมาณของรายได้ในแต่ละปี ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มสินค้านวัตกรรมและโซลูชันอยู่ที่ประมาณร้อยละ 37 ของรายได้รวม
♻️ESG & Circular Economy
.
มุ่งเน้นการดำเนินงานตามกรอบ ESG และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเพิ่มสัดส่วนพลังงานทางเลือก โดยมีเป้าหมายเพิ่มการใช้พลังงานทางเลือกในปี 2568 อยู่ที่ร้อยละ 39
.
และยังมีเป้าหมายเพิ่มการผลิตสินค้าที่ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่ง SCGP เพิ่งได้รับการรับรอง ‘คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์’ จาก อบก. หรือ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ครอบคลุมกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์กระดาษ เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา โดยเป้าหมายในการเพิ่มสินค้าที่ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์นี้ เพื่อตอบสนองเป้าหมายความยั่งยืนขององค์กรและความต้องการใช้นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคไปพร้อมกัน
.
ทั้ง 4 กลยุทธ์ของปี 2568 ทั้งหมดนี้ เชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจของ SCGP ไปสู่เป้าหมายที่คาดหวังไว้ในปี 2568 ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งเรื่องของรายได้ การยืนหยัดในตลาดเดิมและเติบโตในตลาดใหม่ รวมถึงการพัฒนาธุรกิจไปพร้อมต่อการรับผิดชอบต่อผู้บริโภค สังคมและสิ่งแวดล้อม และไม่ใช่เพียงธุรกิจของ SCGP เท่านั้น แต่จะช่วยให้ธุรกิจคู่ค้าหรือแบรนด์ต่าง ๆ ที่ร่วมมือกันได้เติบโตไปด้วยเช่นกัน ภายใต้แนวคิดการพัฒนาที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพ และยั่งยืน