SCGP Newsroom

“SCGP” เตรียมขายหุ้นกู้ดิจิทัลผ่าน “กรุงไทย” ดอกเบี้ย 2.80% บนแอปฯ “เป๋าตัง” สะดวกและทั่วถึง ดีเดย์ 26 ก.ค. นี้

บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ “SCGP” เตรียมพร้อมเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 2 ปี 10 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.80% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ A+(tha) จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) สะท้อนฐานะการเงินและสถานะธุรกิจที่แข็งแกร่ง ผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้บนแอปฯ “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าถึงหุ้นกู้ดิจิทัลได้อย่างสะดวกและทั่วถึง เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท คาดว่าจะเปิดจองซื้อวันที่ 26 27 กรกฎาคมนี้

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP พร้อมสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัล ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 2 ปี 10 เดือน อัตราผลตอบแทน 2.80% ต่อปี มูลค่าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยหุ้นกู้ดิจิทัลของ SCGP ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+(tha) จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 สะท้อนความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ SCGP

SCGP เป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในภูมิภาค และได้ลงทุนขยายการเติบโตในภูมิภาคอาเซียนและยุโรปอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และขยายฐานลูกค้าในกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ฯลฯ ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจตามกรอบแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้เติบโต รวมถึงการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อบรรลุเป้าหมายธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่า การเสนอขายหุ้นกู้ SCGP ในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่ต้องการการลงทุนที่มั่นคง ให้ผลตอบแทนดีในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน และพร้อมเติบโตเคียงคู่ผู้บริโภค

SCGP เสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลเต็มรูปแบบเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ร่วมลงทุนกับบริษัทผ่านช่องทางดิจิทัลออนไลน์ด้วยแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะเปิดจองซื้อในวันที่ 26 – 27 กรกฎาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท เพื่อให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นกู้ดิจิทัลของ SCGP ได้อย่างสะดวกและทั่วถึง โดยหุ้นกู้จะถูกจัดสรรให้กับผู้ที่จองซื้อและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปฯ ได้สำเร็จตามลำดับการจอง

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารตอกย้ำพันธกิจการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมรูปแบบใหม่เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ให้ตอบโจทย์ลูกค้าและประชาชนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบนช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก และปลอดภัย เพื่อสนับสนุนคนไทยวางแผนการออมและการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคง การขายหุ้นกู้ดิจิทัล “SCGP” ผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันของธนาคาร ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนหุ้นกู้ดิจิทัลของ SCGP รวมถึงสามารถซื้อขายหุ้นกู้ในตลาดรองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว  แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับหุ้นกู้และได้รับเงินทันที พร้อมทั้งแสดงข้อมูลการถือครองหุ้นกู้ ราคาซื้อขาย ครบจบในที่เดียว ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้

ทั้งนี้ SCGP มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ และมีสถานะทางการเงินที่ดี มีการดำเนินงานที่ผ่านเกณฑ์ด้าน ESG เป็นการเน้นย้ำถึงพันธกิจหลักของธนาคารที่ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำตลาดในการทำ ESG Financial Solution ที่พร้อมตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลมายกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่มให้ดียิ่งขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพพัฒนาตลาดทุนไทย นำเสนอผลิตภัณฑ์บริการที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัล SCGP ยังได้ตอบโจทย์เรื่องความสะดวก ลดการเดินทางไปสาขา ทำรายการผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบออนไลน์ได้ทันที ช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการลงทุนได้ทั่วถึง โดยธนาคารเชื่อมั่นว่า จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไป เป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ของธุรกิจที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง โดยให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้

สำหรับผู้ที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัล SCGP สามารถลงทะเบียนวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้บนแอปฯ “เป๋าตัง” ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยทำแบบประเมินความเสี่ยงผู้ลงทุน และเติมเงินหรือเลือกผูกบัญชีกับธนาคารกรุงไทยให้พร้อมก่อนการวันเปิดจองซื้อหุ้นกู้เพื่อให้ไม่พลาดโอกาสการลงทุน ทั้งนี้ธนาคารคาดว่าจะเปิดจองซื้อพร้อมกันในวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. จนกว่าจะมีผู้จองซื้อหุ้นกู้เต็มตามจำนวนที่เสนอขาย หรือไม่เกินวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เวลา 15.00 น. จำนวนจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 25 ล้านบาทต่อราย โดยหุ้นกู้จะถูกจัดสรรให้กับผู้ที่จองซื้อและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปฯ ได้สำเร็จตามลำดับการจอง หรือ “จองก่อน ได้ก่อน” ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถศึกษาขั้นตอนการลงทะเบียนแอปฯเป๋าตังและวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ได้ผ่าน www.krungthai.com/th/krungthai-update/promotion-detail/916 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นกู้ได้จากร่างหนังสือชี้ชวนเพื่อการเสนอขายหุ้นกู้ Link :https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=426002&SD= สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Krungthai Contact Center โทร. 02-111-1111 หรือธนาคารกรุงไทยทุกสาขา

“Fest by SCGP” ร่วมจัดงาน SOOKSIAM สุขรักษ์โลก แนะนำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ ไบโอ

บริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ใน SCGP ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัย Fest by SCGP ร่วมกับเมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม และธนาคารกสิกรไทย จัดงาน SOOKSIAM สุขรักษ์โลก ภายใต้แนวคิดดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัย “เฟสท์ ไบโอ” (Fest Bio) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตจากเยื่อยูคาลิปตัสที่มาจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ 100% ร่วมดูแลรักษาธรรมชาติและยังส่งเสริมเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นบรรจุภัณฑ์อาหารที่มีความสะอาด ปลอดภัย เข้าไมโครเวฟและเตาอบได้ สามารถบรรจุอาหารที่มีน้ำมันและน้ำได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่รั่วซึม และยังย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติภายใน 60 วัน เพื่อแนะนำภายในงานและส่งเสริมร้านค้าที่เข้าร่วมงานตลอดจนประชาชนได้ใช้บรรจุภัณฑ์เฟสท์ ไบโอ (Fest Bio) เพื่อร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมและดูแลโลก งานดังกล่าวจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 4-14 กรกฎาคม 2565 ณ ลานเมือง เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม ชั้น G

คาโอ-SCGP ประกาศความร่วมมือด้านนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยความยั่งยืน

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่ออุปโภคและธุรกิจเคมีภัณฑ์ชั้นนำ และบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ผู้นำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาค ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุดล้ำ พร้อมแนวทางที่ยั่งยืนสำหรับผู้บริโภค เพื่อลดการก่อให้เกิดมลพิษต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างสรรค์โลกที่สมบูรณ์และยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไป เมื่อเร็ว ๆ นี้

นายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “คาโอและ SCGP มีความมุ่งมั่นเดียวกัน คือการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของสองบริษัทที่มีเป้าหมายเดียวกันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างแนวทางที่ยั่งยืนสำหรับผู้บริโภค คาโอมีกลยุทธ์ ESG ซึ่งเราเรียกสิ่งนี้ว่า “Kirei Lifestyle” (คิเรอิ ไลฟ์สไตล์) ในการสร้างสรรค์สิ่งดีเพื่อชีวิตที่สวยงามสำหรับผู้คนในทุก ๆ วัน โดยผลิตภัณฑ์คาโอทั้งหมดจะต้องไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวงจรชีวิต เพื่อโลกที่สะอาดและสมบูรณ์”

โดยคาโอมีเป้าหมายสู่ความยั่งยืนในปี 2583 ลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ด้วยการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จนเป็นศูนย์ และบรรลุเป้าหมายให้ขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ที่ทำด้วยพลาสติกเป็นศูนย์ กล่าวคือ ปริมาณพลาสติกที่ใช้ต้องเท่ากับปริมาณพลาสติกที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ หรือ ถูกนำมารีไซเคิล

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า SCGP มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับคาโอที่มีเป้าหมายตรงกันในการสร้างความยั่งยืนแก่สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างประโยชน์แก่ผู้บริโภค ความร่วมมือกันในฐานะพันธมิตรครั้งนี้จะนำมาสู่การสร้างสรรค์พัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี ผ่านการนำเสนอโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม การนำบรรจุภัณฑ์กลับมารีไซเคิลในกระบวนการผลิตได้มากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ จะมีส่วนช่วยยกระดับความคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ผู้คนในสังคม ตลอดจนสร้างความยั่งยืนให้แก่ทุกภาคส่วน

ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของ SCGP ที่ให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการพัฒนาสินค้าและบริการ โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของสินค้าและบริการ เป็นส่วนหนึ่งของระบบบริหารจัดการด้านคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยในการใช้บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนมีการควบคุมและติดตามผลของการดำเนินงานอย่างจริงจังตามแนวทางสากลเพื่อให้บรรลุที่ตั้งไว้ โดย SCGP ยังเน้นหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดปริมาณของเสียจากอุตสาหกรรม เพิ่มสัดส่วนการนำกระดาษที่ใช้งานแล้วจากผู้บริโภคนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตและเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ และตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593

ชวนมาฟัง Design talks ในหัวข้อ TRANSFORMATION Waste to Value แปลงร่าง สร้างมูลค่า วันเสาร์ที่ 23 ก.ค. นี้

SCGP ขอเชิญร่วมสัมมนาออนไลน์ “Design Talks 2022” ภายใต้หัวข้อ “Transformation Waste to Value” แปลงร่าง สร้างมูลค่า เพื่อโลกและสิ่งแวดล้อม กับ THINKK Studio สตูดิโอออกแบบไทย ที่สร้างชื่อในระดับโลก

เรียนรู้การสร้างสรรค์งานออกแบบ จากการ Upcycle เส้นเทปกระดาษเหลือใช้ เส้นพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ที่เหลือจากการผลิต เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ชุมชน 

 

ปักหมุด มาฟังและร่วมแชร์ไอเดีย

พบกันวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.00-14.15 น.

ผ่านทาง Live Webinar (เฉพาะออนไลน์เท่านั้น)

ลงทะเบียนได้ที่ https://scgp-design-talks.com

เสียง: ภาษาไทย / แปล Real time: ภาษาอังกฤษ และภาษาเวียดนาม

#SCGP #DesignTalks2022 #WasteToValue #CircularEconomy

SCGP รับมอบเศษกระดาษเหลือใช้จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ผ่านกิจกรรม “DPIM PIMD คืนกระดาษรีไซเคิลสู่สังคม” มุ่งสู่เป้าหมาย 8,000 กิโลกรัม รีไซเคิลสู่สังคม

SCGP นำโดยคุณสุนทร ยงค์วิบูลศิริ ESG and Sustainability Director ร่วมกิจกรรม “DPIM PIMD คืนกระดาษรีไซเคิลสู่สังคม” เพื่อรับมอบเศษกระดาษเหลือใช้จำนวน 1,350 กิโลกรัม จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เข้าสู่โครงการ “80 ปี กระทรวงอุตสาหกรรม 8,000 กิโลกรัม รีไซเคิลสู่สังคม” โดยคุณนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และผู้บริหารหน่วยงานฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็น 1 ใน 7 หน่วยงานพันธมิตรภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ที่เข้าร่วมโครงการ “80 ปี กระทรวงอุตสาหกรรม 8,000 กิโลกรัม รีไซเคิลสู่สังคม” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม และ SCGP ในการสร้างความตระหนักด้านการคัดแยกเศษกระดาษเหลือใช้ และการส่งเสริมหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ปัจจุบันโครงการฯ สามารถรวบรวมเศษกระดาษเหลือใช้ได้ทั้งสิ้น 6,997 กิโลกรัม (ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565) โดยมีเป้าหมายที่ 8,000 กิโลกรัม ในเดือนกรกฎาคม 2565 ทั้งนี้ ปริมาณเศษกระดาษทั้งหมดที่รวบรวมได้ทาง SCGP จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งมอบเป็นสาธารณประโยชน์ผ่านโครงการจิตอาสากระทรวงอุตสาหกรรม

Deltalab S.L. ใน SCGP ร่วมกับ Meditop เดินหน้าผลักดันธุรกิจ Healthcare มุ่งสู่การเติบโตในภูมิภาคเอเชีย

SCGP นำโดย คุณกรัณย์  เตชะเสน Chief Operating Officer – Performance and Polymer Packaging Business และคุณธนิสสรา พัฒนวิบูลย์ Manager – Business Integration และ Deltalab S.L. ใน SCGP นำโดยMr. Jose Saez Mateos, Managing Director  และดร.พงษ์สุดา  ผ่องธัญญา Deputy Managing Director ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง Distribution Agreement กับบริษัทเมดิทอป จำกัด นำโดย ดร.สุวิมล  สังขธรรมวงศ์ Managing Director และภญ.พรทิพย์  เหลี่ยมมุกดา Vice President

โดยการลงนามครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างพันธมิตร ความร่วมมือและผลักดันการขยายธุรกิจด้าน Healthcare  ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลในวงการ Healthcare กับ Distributor รายใหญ่ของประเทศ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสินค้า การผลิต และการให้บริการร่วมกันในอนาคตทั้งผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและการแพทย์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตร่วมกันในอนาคต

SCGP สร้างสรรค์ CIRCULAR DESIGN ในงานนิทรรศการระดับนานาชาติ

SCGP สนับสนุนแท่นวางโชว์ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล (Recycled Paper) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังสามารถนำมารีไซเคิลได้ สำหรับบูธแสดงผลงานของประเทศไทย หัวข้อ ‘Never-Ending Story: Thailand’s materials today and tomorrow” ภายใต้นิทรรศการ 2022 CIRCULAR DESIGN EXHIBITION ในโซน 360 – global collaboration ณ Taiwan Design Museum เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม – 3 กรกฎาคม 2565

 

โดย SCGP พัฒนาแบบแท่นวางโชว์ผลิตภัณฑ์ร่วมกับ Thinkk Studio ผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก The Creative Economy Agency (CEA) ให้เป็นผู้จัดทำบูธในครั้งนี้ โดยเน้นการออกแบบที่ง่ายต่อการขนส่งและการประกอบหน้างาน แข็งแรงและรับน้ำหนักได้ ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล และสามารถรีไซเคิลได้ เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

SCGP ต่อยอดความเชี่ยวชาญการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสู่การปลูกพืชสมุนไพรมูลค่าสูง เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “HOLIS by SCGP IM-MU Cap”

SCGP ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สู่การปลูกถั่งเช่าสีทองและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ “HOLIS by SCGP IM-MU Cap” เพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพที่ดีจากภายในสำหรับทุกคนในครอบครัว ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบธรรมชาติคุณภาพดีจากทั่วโลก รับประทานง่ายไร้กลิ่น วางจำหน่ายแล้วที่ร้าน SCGP Healthcare ใน e-marketplace ชั้นนำ และเว็บไซต์ www.doozyonline.com

บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP แนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ภายใต้แบรนด์ “HOLIS by SCGP IM-MU Cap” เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีจากภายในสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยนำประสบการณ์จากการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ตั้งแต่เยื่อกระดาษ กระดาษและบรรจุภัณฑ์ โดยมีบริษัท       สยามฟอเรสทรี จำกัด ใน SCGP ซึ่งเป็นผู้ผลิตยูคาลิปตัสสำหรับผลิตเป็นเยื่อกระดาษ มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการปลูกและผลิตด้วยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ผสานความร่วมมือกับศูนย์พัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ของ SCGP ต่อยอดองค์ความรู้สู่การปลูกพืชและสมุนไพรมูลค่าสูง โดยเริ่มจากการปลูก “ถั่งเช่าสีทอง” ตั้งแต่ปี 2559 และนำมาสู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HOLIS by SCGP IM-MU Cap เกิดจากการมุ่งมั่นค้นหาวัตถุดิบธรรมชาติที่ดีจากทั่วทุกมุมโลกอย่างพิถีพิถัน นำมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้มาตรฐานระดับสากลเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณประโยชน์ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ด้วยการผสาน 3 พลังจากสารสกัดพร้อมด้วยแร่ธาตุและน้ำมันจากธรรมชาติ ได้แก่ Astaxanthin จากสาหร่ายสีแดง ที่ผ่านการสกัดด้วยเทคโนโลยีการสกัดแบบซูปเปอร์คริทิคอลฟลูอิท ด้วยเครื่องสกัดแรงดันสูงเพื่อให้ได้สารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เบต้ากลูแคน (Beta Glucan) สารคาร์โบไฮเดรตกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ที่พบได้มากในยีสต์ เห็ด หรือเห็ดทางการแพทย์ และเห็ดถั่งเช่าสีทอง (Cordyceps militaris) ผลิตด้วยขั้นตอนลิขสิทธิ์เฉพาะจาก SCGP เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงสุด

จุดเด่นของ HOLIS by SCGP คือ (1) เป็นนวัตกรรมเฉพาะของ SCGP โดยนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญการปลูกและผลิตด้วยเทคนิคเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้ได้ถั่งเช่าสีทองที่มีสาร Cordycepin คุณภาพสูงในปริมาณสม่ำเสมอ พร้อมทั้งผ่านการรับรองมาตรฐานสูงสุดในระดับสากล GHPs/HACCP 2020 (2) ปลอดภัยไว้วางใจได้ เนื่องจากเลือกใช้วัตถุดิบแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับด้านความปลอดภัยและประสิทธิผล เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูง ตรวจสอบย้อนกลับได้ และ (3) รับประทานง่าย ไร้กลิ่น พกพาสะดวก โดยออกแบบเป็น Soft Gel Capsule ไร้กลิ่น บรรจุในซองฟอยล์ขนาด 2 เม็ดต่อซอง อยู่ภายในกล่องแบบ Smart Packaging เพียงรับประทานเพียงวันละ 2 เม็ด หลังอาหารมื้อหลัก เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีจากภายใน ปัจจุบันสินค้ามีจำหน่ายที่ร้าน SCGP Healthcare บน e-marketplace, website : www.doozyonline.com หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : HOLIS by SCGP

วันสิ่งแวดล้อมโลกคืออะไร ?

วันสิ่งแวดล้อมโลกคืออะไร ?

ริเริ่มโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในวันที่ 5 มิถุนายน นับตั้งแต่ปี 1974 โดยวันสิ่งแวดล้อมโลกนี้เป็นเวทีระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสาธารณะด้านสิ่งแวดล้อมและมีการเฉลิมฉลองโดยผู้คนนับล้านทั่วโลก

#OnlyOneEarth มาจากไหน ?

“Only One Earth” เป็นสโลแกนของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ครั้งแรกซึ่งจัดขึ้นที่กรุงสตอกโฮล์มในปี 2515 ซึ่งทำให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นวาระระดับโลก และนำไปสู่การก่อตั้งวันสิ่งแวดล้อมโลก

ทางเลือกที่เป็นไปได้ของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ?

ทางเลือกในการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังเพื่อความยั่งยืนจะต้องมีความพร้อม ราคาจับต้องได้ และน่าสนใจ เพื่อให้ผู้คนสามารถตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตดีขึ้นในแต่ละวันได้ ประเด็นสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ วิธีใช้ชีวิตในบ้าน สังคม สถานที่ทำงานที่เราใช้เป็นประจำ การลงทุน และการทำกิจกรรมเพื่อพักผ่อน ต้องสามารถทำอย่างยั่งยืนได้

อย่างไรก็ตาม ภาคประชาสังคมยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักและปลุกจิตสำนึก แนะนำว่าต้องทำอะไร และใครควรรับผิดชอบ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง

ร่วมสนับสนุนวันสิ่งแวดล้อมโลก 2022 และแคมเปญ #OnlyOneEarth คุณก็เป็นอีกคนที่สามารถช่วยให้โลกที่สวยงามแห่งนี้ยังคงเป็นบ้านที่น่าอยู่สำหรับมนุษยชาติ

SCGP ขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษในไทยอีก 75,000 ตันต่อปี ตอบสนองดีมานด์รับเศรษฐกิจฟื้นตัว คาดพร้อมดำเนินการผลิตกลางปี 2566

SCGP ขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพิ่มกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษในประเทศไทยอีก 75,000 ตันต่อปี ด้วยงบลงทุน 2,450 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในกลางปี 2566 ชูระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) และแอปพลิเคชันสำหรับการพิมพ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพตอบสนองความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก รับแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว เสริมความแข็งแกร่งและต่อยอดความเป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP เดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตัดสินใจขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก (Corrugated Carton) และแผ่นกระดาษลูกฟูก (Sheet Board) ในประเทศไทยอีก 75,000 ตันต่อปี เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการผลิต ตลอดจนนำเสนอโซลูชัน สินค้า และบริการ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น หลังภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัว ตลอดจนช่วยเสริมศักยภาพและผสานกำลังกับธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น คงความเป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน

การลงทุนขยายกำลังการผลิตดังกล่าว ดำเนินการผ่านบริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด (TCG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SCGP และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 70:30 ตามลำดับ ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 2,450 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนในส่วนของเครื่องจักร การติดตั้งเครื่องจักร และเงินทุนหมุนเวียน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในกลางปี 2566

SCGP มั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยกระดับการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีระบบหุ่นยนต์ (Robotic) ระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) และระบบพิมพ์ที่มีความทันสมัยเข้ามาปรับใช้ นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนด้านโลจิสติกส์ให้แข่งขันได้ดียิ่งขึ้นและยกระดับห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ โดยการขยายกำลังการผลิตครั้งนี้อยู่ภายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการและสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ศูนย์รวมของกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ SCGP ประเมินความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกในประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยมาจากการขยายตัวของบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค อาทิ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารแช่แข็งและอาหารแปรรูปเพื่อการส่งออก บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภค บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าเพื่อสุขอนามัย รวมถึงการเติบโตของภาคการส่งออกจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล ตลอดจนการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อภาพรวมการใช้บรรจุภัณฑ์

SCGP มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ตลอดจนให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตรวมกว่า 50 แห่ง ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย สหราชอาณาจักร และประเทศสเปน