“เอาใจเขา มาใส่ใจเรา” ACT ดี ๆ ที่เชื่อม SCGP และชุมชนไว้ด้วยกัน
การอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักที่ SCGP ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ที่โรงงานตั้งอยู่ เราใช้โอกาสนี้ตามติดพี่นิ – เบญญาภา พยมพฤกษ์ CSR Officer บริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด โรงงานวังศาลา ลงพื้นที่ปฏิบัติงานกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ในพื้นที่รอบโรงงานวังศาลา พร้อมทั้งเก็บเกี่ยวนำแนวคิดและ Mindset ดี ๆ มาบอกต่อ เพื่อสร้าง Passion ในการทำงานให้เพื่อนๆ ได้นำไปปรับใช้กัน
“พี่เป็นเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ที่บริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด 30 ปีแล้ว ชุมชนแถวนี้จะคุ้นเคยกับพี่ในชื่อนิค่ะ หน้าที่ของพี่คือ สร้างความสัมพันธ์กับชุมชน โดยชุมชนที่พี่ดูแลอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร รอบโรงงานมีประมาณ 55 หมู่บ้าน
“เราต้องสร้างความคุ้นเคย ต้องรู้จักเขา และเขาก็จะรู้จักเรา ต้องเรียนรู้ วิถีชีวิต ขนบธรรมเนี่ยมในชุมชน คอยสังเกตและเชื่อมโยงประสบการณ์ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วม โดยออกแบบกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน พยายามค้นหาความต้องการหรือความคาดหวังของเขา และกำหนดบทบาทของ SCGP ที่เหมาะสม คอยดูว่าเราให้ความช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เพื่อให้เขาอยู่รอบโรงงานเราได้อย่างมีความสุข
“ความท้าทายของงานพี่คือ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว คาดเดาไม่ได้ว่าเราจะต้องเจอสถานการณ์แบบไหน แต่เราต้องพร้อมรับมืออยู่เสมอ เราจึงต้องมี Mindset ในเรื่อง ‘การเอาใจเขา มาใส่ใจเรา’ อยู่ตลอดเวลา การไปทำงานกับชุมชน เราต้องเอาใจเขามาแทนที่ในใจเราให้ได้เมื่อรู้ความต้องการที่แท้จริงแล้ว ก็เอาข้อมูลเหล่านั้นมาออกแบบวิธีการทำงาน เราต้องคิดถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เพราะจะทำให้งานดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและตรงตามความคาดหวังของเขา ทั้งหมดนี้ป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของงานพี่ หากงานที่ทำได้รับการยอมรับจากชุมชนเป็นอย่างดี ก็จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ด้วยตัวพี่ทำงานด้วยแนวคิดแบบนี้จนเป็น Our Act ของเราไปแล้วทำโดยไม่รู้ตัว จนวันหนึ่งเรามองย้อนกลับมาจึงเห็นว่า นี่คือสิ่งที่เราทำมาตลอด 30 ปี เลย
“สำหรับ Passion ในการทำงาน พี่เป็นคนกระตือรือร้น อยากทำงานทุก ๆ วัน พี่มองว่างานที่ทำอยู่นั้นเป็นงานของเราเอง เราคือเจ้าของกิจการ ทุกคนที่เกี่ยวข้องคือลูกค้าทั้งหมด มันก็จะช่วยให้เราใส่ใจและเต็มที่กับทุกงาน ผลลัพธ์ที่ได้จากการทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไป ทำให้เราไม่รู้สึกเสียดาย ไม่ว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ก็คิดแค่ว่ามันคือโอกาสที่ได้รับมอบหมาย และเราได้ทำเต็มที่แล้ว พี่จะพยายามมองหาสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในทุก ๆ งาน เพราะว่าอย่างน้อยจะมีสักหนึ่งอย่างที่เกิดจากความพยายามของเราและทำให้งานนั้นสำเร็จ”
ถักทอสายใย สานใจชุมชน
ตัวอย่างที่ SCGP ส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชนคือ “งานหัตถกรรมจักสานจากเส้นเทป Paper Band” ซึ่งเกิดขึ้นจากการคำนึงถึงชุมชนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยนำเศษวัสดุที่เหลือจากกระบวนการผลิตเป็นวัตถุดิบในการจักสาน ผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่น จนสามารถสร้างอัตลักษณ์ของสินค้าที่แตกต่างจากท้องตลาด และสร้างยอดขายได้มากกว่า 1 ล้านบาทในปี 2562
“เราคิดว่า เศษวัสดุที่เหลือใช้ในกระบวนการผลิตจะสามารถนำไปต่อยอดขยายผล สร้างเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นในชุมชนได้อย่างไร การทำงานนี้จึงเป็นการสานความร่วมมือ สานความสัมพันธ์ สานความคิด จนเกิดเป็นผลงานหัตถกรรมที่ใช้งานได้จริง และตลาดก็ตอบรับดี การทำงานนี้ถือว่าชุมชนลงทุนแรงกายแรงใจ SCGP ลงทุนวัตถุดิบ ทุกคนมีส่วนร่วมในงานนี้หมด นอกจากนี้เรายังมีแผนในอนาคตที่จะพาชุมชนไปเรียนรู้เกี่ยวกับแฟชั่นใหม่ ๆ เพื่อนำกลับมาพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้มากขึ้น เช่นมีสีสันสวยงาม และเป็นไปตามยุคสมัย”
ถุงกระดาษสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค
ถุงกระดาษสำหรับบรรจุสินค้าอุปโภคบริโภค
ที่ออกแบบด้วยความใส่ใจครบทุกมิติ ทั้งดีไซน์ที่สวยงาม เลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับการบรรจุสินค้า รวมถึงความยั่งยืนในการผลิต โดยสามารถนำกลับมารีไซเคิลเป็นวัตถุดิบใหม่ได้
คุณสมบัติ
- ถุงกระดาษที่สะอาดและปลอดภัย ผ่านการผลิตด้วยเครื่องจักร ที่ทันสมัย บรรจุลงในกล่องช่วยป้องกันเชื้อโรคและฝุ่นผง
- ผลิตจากกระดาษคราฟต์ที่ผลิตจากเยื่อรีไซเคิลที่มี Recycle Contentตั้งแต่ 70 ถึง 100% ตามประเภทกระดาษ โดยใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- พิมพ์ด้วยหมึกฐานน้ำ (Water-based ink) ที่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
- กระดาษรีไซเคิลสามารถนำกลับมาใช้หมุนเวียนผลิตเป็นเยื่อ เพื่อนำมาผลิตเป็นถุงกระดาษใหม่ หรือสามารถย่อยสลายได้ ตามธรรมชาติภายใน 6 เดือน
การันตีคุณภาพในทุกกระบวนการ
1. Circular Mark ได้รับการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมสำหรับผลิตภัณฑ์หมุนเวียน (Circular Mark) เป็นกลุ่มแรกของประเทศไทยจากมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย
2. Circular Design ออกแบบโดยคำนึงถึงทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการลดปริมาณการใช้วัสดุ ขนาด ความหนา และความแข็งแรงให้เหมาะสมกับสินค้าที่บรรจุ
3. Circular Economy เน้นใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่การออกแบบเพื่อการหมุนเวียนวัสดุ โดยนำกระดาษที่มีสัดส่วนของวัสดุเยื่อรีไซเคิลมาใช้ในการผลิตถุง กระบวนการผลิตที่คำนึงถึงการใช้ทรัพยากร พลังงาน การพิมพ์ ตลอดจนการใช้งาน ที่พร้อมสนับสนุนให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการนำกระดาษที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลเพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นวัตถุดิบใหม่ (Make-Use- Return) โดยมีจุดรับซื้อเศษกระดาษกระจายอยู่ทั่วประเทศและยังมีโครงการรับซื้อเศษกระดาษจากองค์กรต่างๆ อย่างเป็นระบบ
นับเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจและมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าที่คำนึงถึงผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เพื่อความยั่งยืนของโลกใบนี้
GLOBAL SUMMIT OF WOMEN 2022 ผสานความร่วมมือระดับชาติและเวทีโชว์ศักยภาพของ SCGP
ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก 2022 (Global Summit of
Women 2022) ที่จัดขึ้นในวันที่ 23 – 25 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอก
คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีตัวแทนผู้นำสตรีจากภาครัฐและเอกชนจากทั่วโลก
เข้าร่วมประชุม ภายใต้ธีม ‘”Women: Creating Opportunities in the New Reality”
การจัดงานในครั้งนี้เป็นงานที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 32 ถือเป็นโอกาสอันดีในการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพของประเทศไทยในการจัดประชุมระดับนานาชาติ และการเป็น “World Destination” ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง ความเชื่อมั่นให้กับนานาชาติถึงความพร้อมด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย
หัวข้อการประชุมของงานให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังเผชิญกับวิกฤติโรคระบาด ซึ่งเป็นตัวเร่งสำคัญที่สร้างความเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ถูกนำมาปรับใช้ สร้างความเปลี่ยนแปลงและความเติบโตให้กับธุรกิจ ผ่านอีคอมเมิร์ซ เวทีในครั้งนี้ ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในการขับเคลื่อนและร่วมกันสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ร่วมถึงการสร้างแรงบันดาลให้กับผู้หญิง ไม่ว่าในฐานะพนักงาน เจ้าของธุรกิจ ผู้บริโภค หรือนักลงทุน แสดงให้เห็นถึงพลังและบทบาทของผู้หญิงในการส่งเสริมเศรษฐกิจโลกให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ในงานครั้งนี้ คุณไขศรี เนื่องสิกขาเพียร กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้รับเชิญให้เป็นกรรมการในการจัดงาน ซึ่งนับเป็นโอกาสดีของ SCGP ในการแสดงจุดยืนเพื่อสนับสนุนบทบาทของผู้นำสตรีบนเวทีระดับโลก โดยในปีนี้การประชุมมีความพิเศษโดยจัดแบบรักษ์โลก “Carbon Neutra!” ที่จะมีการประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการประชุม ซึ่งเกิดจากการร่วมมือกันขององค์กรชั้นนำระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟฟ้าการเดินทางของผู้เข้าร่วมประชุม การจัดเลี้ยงอาหาร การบริหารขยะและของเสียภายในงาน
ทั้งนี้ SCGP ร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ตกแต่งและของที่ระลึกที่สอดแทรกเอกลักษณ์ความเป็นไทย เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อร่วมลดปริมาณการปล่อยก๊ซเรือนกระจก ซึ่งคุณไขศรีเผยว่า จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ SCGP ได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าและศักยภาพที่มีต่อนานาชาติ
“SCGP เป็นบริษัทที่ลงมือทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาตลอด โดยเฉพาะในเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ทุกวันนี้แค่แยกขยะ ปลูกต้นไม้ไม่พอแล้ว ต้องมีอย่างอื่นที่ชัดเจน และในฐานะองค์กรชั้นนำในธุรกิจ เราจึงใช้โอกาสนี้แสดงถึงกระบวนการทำงานและการดำเนินธุรกิจ ที่ตั้งอยู่บนความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง จากการแสดงผลงานต่าง ๆ ที่เราร่วมสนับสนุนในงาน ทำให้เห็นศักยภาพด้านการออกแบบและสร้างสรรค์ให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง แข็งแรง ทนทาน รวมถึงความสวยงาม เราก็สามารถทำได้ดี นอกจากนี้ ประเด็นต่างๆ ที่สำคัญในงาน ทั้งเรื่องทิศทางธุรกิจ ความเท่าเทียม การสร้างโอกาส การสร้างแรงบันดาลใจและนวัตกรรมต่าง ๆ ล้วนเป็นทิศทางที่เรากำลังมุ่งไปทั้งหมด
“ขณะเดียวกัน การมีส่วนร่วมในงานครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะทำให้ต่างชาติรู้จักเรามากขึ้น ดอกย้ำการเป็นผู้นำทางด้านบรรจุภัณฑ์ที่กำลังขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศมากขึ้นและจะเป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่เราทำทั้งหมดต่อนานาชาติ”
ส่งต่อแรงบันดาลใจ
“ในช่วงเวลาของพี่ การที่ผู้หญิงจะขึ้นมาเป็นผู้นำขององค์กร ถือว่าต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติ แต่ในยุคสมัยนี้พี่เห็นว่าหลาย ๆ องค์กรมีผู้นำหญิงมากขึ้น งานในครั้งนี้จะเป็นเวทีให้คนกล้าเปลี่ยนแปลง และส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยหัวข้อของงานพูดถึง ‘Creating Opportunities in the New Reality’ ซึ่งผู้หญิงเราจะต้องมองหาโอกาสและไม่ละทิ้งโอกาส ในปัจจุบันโอกาสมีเยอะมาก ไม่ต้องไปเปรียบเทียบว่าเราคือผู้หญิงหรือผู้ชาย อย่าตัดโอกาสตัวเองและไม่ต้องรอให้คนอื่นมาสร้างโอกาสให้เรา การเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าตัวเราไม่อยากจะเปลี่ยนแปลง
“ฝากถึงน้อง ๆ ทุกคนว่า การเรียนรู้ที่ไม่รู้จบและการไม่ปิดกั้นตัวเอง จะทำให้เราเปิดกว้าง และพร้อมที่จะปรับตัว ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร”
คุณไขศรี เนื่องสิกขาเพียร
กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)
เบื้องหลังการออกแบบ
กระทงดอกบัวกระดาษ
แนวคิดการออกแบบ: ทันสมัย เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน มีความแข็งแรง และสวยงาม โดยใช้การซ้อนกันของกระดาษ การพับกลีบ ขัดแผ่นขึ้นรูป ให้ตัวกระทงช่วยยืดเทียนโดยไม่ต้องใช้กาวหรือวัสดุอื่น เพื่อให้ง่ายแก่การนำไปรีไซเคิล
ฉากวางหุ่นโขน
แนวคิดการออกแบบ: นำเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมเจดีย์ไทยมาใช้เป็นฉากหลังที่สวยงามของตัวหุ่นโขน ผ่านการพับขึ้นรูปที่ง่ายและเพิ่มความสนใจด้วยรูปแบบการ์ดป็อปอัพ 3 มิติ กางออกเพื้อตั้งโชว์ได้ง่าย
โมเดลโลโก้งาน
แนวคิดการออกแบบ: ใช้สัญลักษณ์ของงานมาประกอบให้เป็น 3 มิติสามารถมองได้ 360 องศา รูปทรงภายนอกสามารถมองได้เป็น 2 รูปแบบคือ กระถางดอกไม้ที่สื่อถึงความสวยงามและความเป็นผู้หญิง และต้นไม้ ที่สื่อถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม
ของที่ระลึกโมเดลช้าง
แนวคิดการออกแบบ: นำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านช้างที่เป็นสัตว์ประจำชาติ รูปทรงหลายเหลี่ยมประกอบกันพิมพ์บนกระดาษ มีสีสันหลากหลายสะท้อนไปมาคล้ายปริซึม แสดงถึงมุมมองที่เปิดกว้าง ยอมรับสิ่งใหม่ พร้อมจะเจริญเติบโตและกลับไปเป็นประโยชน์กับสังคม
การเลือกใช้วัสดุของงานทุกชิ้นคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการใช้ทรัพยากร ผลิตจากกระดาษรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ออกแบบโดยใช้การขึ้นรูปแบบพับ ตอบโจทย์การใช้งาน น้ำหนักเบา พับเก็บง่าย ประหยัดพื้นที่ในการเก็บ สามารถนำมาใช้ซ้ำและยังสามารถนำไปรึไซเคิลได้
SCGP เปิดเวที Gen Z ส่งเสียง เปลี่ยนโลก ด้วยแพคเกจจิ้ง ชวนประลองไอเดียในกิจกรรม ‘SCGP Packaging Speak Out 2022’
SCGP Packaging Speak Out 2022
ส่งเสียง เปลี่ยนโลก ด้วยแพคเกจจิ้ง ภายใต้แนวคิด RETHINK FOR BETTER NORMAL
SCGP จัดโครงการประกวดออกแบบบรรจุภัณฑ์ ในระดับอุดมศึกษา ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 6
ในปีนี้เราขอชวนคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเปลี่ยนโลกและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ออกมาส่งเสียง เปลี่ยนโลก ด้วยแพคเกจจิ้ง ภายใต้แนวคิด RETHINK FOR BETTER NORMAL เพื่อให้ชีวิตประจำวันน่าอยู่กว่าที่เคย
โจทย์ของโครงการ / THE BRIEFS
เพราะเรื่องปกติ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ปกติสำหรับทุกคน
SCGP ชวนเหล่า Gen Z ประกวดออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ผ่านการส่งชิ้นงานที่เกี่ยวข้องกับ
การ “EASY to RECYCLE” หรือ “UPCYCLE”
ถ้าคุณอยากส่งเสียง ให้โลกนี้ดีขึ้น … เราขอมอบเวทีนี้ให้คุณ
ชิงเงินรางวัลรวม 210,000 บาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและส่งผลงาน ได้ที่เว็บไซต์ SCGPackaging.com
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 12 กันยายน 2565
สอบถามเพิ่มเติมที่ LINE OA https://lin.ee/p9pYG0G
นิยามของคำว่า “UPCYCLE” และ “EASY to RECYCLE” ในการประกวดออกแบบบรรจุภัณฑ์ SCGP Packaging Speak Out 2022
EASY to RECYCLE – ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ให้ง่ายต่อการแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล ไม่ว่าจะเป็นการคิดออกแบบเพื่อแยกชิ้นส่วนของบรรจุภัณฑ์ หรือการออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจในวิธีการรีไซเคิลของบรรจุภัณฑ์นั้น ๆ การออกแบบนั้นต้องให้ผู้บริโภคทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก และซับซ้อน
UPCYCLE – ออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยคำนึงถึงการยืดอายุการใช้งานของบรรจุภัณฑ์ให้ยาวนานขึ้น ก่อนที่จะนำไปทิ้ง โดยใช้วิธีการเปลี่ยนรูปร่าง (Transformation) ของบรรจุภัณฑ์หลังจากที่นำสินค้าออกมา ให้สามารถใช้งานได้อีกครั้ง (Reuse) โดยรอยตัด รอยพับ หรือรอยปรุต้องอยู่บนบรรจุภัณฑ์ตั้งแต่กระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์ กรณีที่เป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติกอนุโลมให้ใช้เครื่องมือตัด เจาะ และกาวเพิ่มเติมเพื่อช่วยในกระบวนการแปรรูปได้ การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของบรรจุภัณฑ์ ต้องให้ผู้บริโภคทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน
*รางวัล The Best of Challenge จำนวน 1 รางวัล สำหรับทีมที่ได้รับคะแนนสูงสุด จะได้รับเงินรางวัลทีมละ 70,000 บาท และมอบประกาศนียบัตรใส่กรอบจาก SCGP ให้สมาชิกทุกคนในทีม รางวัล Runner-Up จำนวน 1 รางวัล สำหรับทีมที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัลทีมละ 50,000 บาท และมอบประกาศนียบัตรใส่กรอบจาก SCGP ให้สมาชิกทุกคนในทีม และรางวัล Honorable Mentions จำนวน 3 รางวัล สำหรับทีมที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับ 3-5 ได้รับเงินรางวัลทีมละ 30,000 บาท
ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการเป็นนักเรียนและนักศึกษา อายุระหว่าง 17-25 ปี โดยมีอายุไม่เกิน 25 ปี ในวันที่ 12 กันยายน 2565 ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดสัญชาติ ไม่จำกัดสถาบันการศึกษา คณะและชั้นปีที่ศึกษา โดยสมัครเป็นทีมที่มีสมาชิกรวมไม่เกิน 3 คน จะคัดเลือกผู้เข้ารอบ Finalist จำนวน 10 ทีม ซึ่งจะได้เข้าร่วมกิจกรรม “Design Consulting” โดยนักออกแบบจาก SCGP และผู้เข้ารอบ Finalist จำนวน 10 ทีม จะได้รับประกาศนียบัตรออนไลน์จาก SCGP เพื่อเป็นการการันตีว่าคุณได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาแพคเกจจิ้ง เพื่อต่อยอดและนำไปใช้จริงได้ในอนาคต
Remark
- การประกวด SCGP Packaging Speak Out 2022 แบ่งเป็นการประกวดที่ประเทศไทย และการประกวดที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งแยกการตัดสินผลงาน และการมอบรางวัลเป็นเอกเทศกัน ผู้สมัครต้องพิจารณาเข้าร่วมโครงการในประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถเข้าร่วมประกวดพร้อมกันทั้ง 2 ประเทศได้ โดยทีมงานจะพิจารณาตัดสิทธิ์ทีมที่มีผู้สมัครส่งผลงานเข้าร่วมทั้ง 2 ประเทศทันที
- การประกวด SCGP Packaging Speak Out 2022 แบ่งเป็นการประกวดที่ประเทศเวียดนาม เปิดรับสมัครวันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2565
SCGP ปรับตราสัญลักษณ์องค์กร รับวิสัยทัศน์ก้าวสู่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในระดับสากล
SCGP ปรับตราสัญลักษณ์องค์กร (Logo) สอดรับวิสัยทัศน์ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในภูมิภาค ที่มีแนวทางดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน เผยแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากแนวคิดการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของธุรกิจ ชุมชน สังคม และโลก
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP
เปิดเผยว่า SCGP ได้กำหนดวิสัยทัศน์ก้าวสู่การเป็น Multinational Consumer Packaging Solutions หรือผู้นำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในภูมิภาค พร้อมทั้งวางกลยุทธ์ทางธุรกิจสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน มุ่งขยายธุรกิจและการตลาดในภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ อาเซียน ยุโรป อเมริกาเหนือ ฯลฯ การนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจร การพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมรวมถึงบริการที่หลากหลายและยั่งยืน เพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายและตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค ภายใต้กระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีคุณภาพและมีมาตรฐานระดับสูง รวมถึงดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และคำนึงถึงผู้มีส่วนร่วมกับธุรกิจของบริษัทฯ ทุกกลุ่มภายใต้กรอบแนวคิด ESG
จากวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่วางไว้ SCGP จึงปรับ “ตราสัญลักษณ์” (Logo) ให้มีอัตลักษณ์ที่เป็นสากล และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างบริษัทใน SCGP เป็นหนึ่งเดียวกันในการส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้าผ่านสินค้า บริการและโซลูชัน ตลอดจนสร้างการรับรู้และตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ตราสัญลักษณ์ของ SCGP ออกแบบภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของธุรกิจ ชุมชน สังคม และโลก โดยใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และตัวหนาสะท้อนถึงความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และธรรมาภิบาลที่สั่งสมมาอย่างยาวนานจากแบรนด์ SCG ตัวอักษร P อัตลักษณ์สำคัญที่สื่อถึง Packaging & Possibility บรรจุภัณฑ์และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่ร่วมกันต่อยอดพัฒนาจาก People หรือคน ได้แก่ พนักงาน พันธมิตร ลูกค้า และสังคม ด้วย Passion ที่ทุกคนมีร่วมกัน เพื่อ Planet โลกของเราที่ดีขึ้นและพร้อมที่จะเติบโตร่วมกันอย่างไม่สิ้นสุด โดยตัวอักษรทั้งสี่ตัวมีความโค้งมนหมายถึงความยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ ผ่านการเลือกใช้สีน้ำเงินเป็นสีหลักของตราสัญลักษณ์ หมายถึงความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และสีส้มสื่อถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ที่ตั้งอยู่บนฐานของสีน้ำเงิน เมื่อนำทั้ง 2 สีมาผสมผสานกันเป็นการแสดงถึงการขับเคลื่อนพลังแห่งการสร้างสรรค์ ผสมผสานกับเส้นสายของ Infinity Growth Line เพื่อตอกย้ำถึงวงแห่งการเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้า ผู้บริโภค พันธมิตร และสังคม
ตราสัญลักษณ์ SCGP นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเท มุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตในระดับอาเซียนและในระดับสากล ด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างสร้างสรรค์ และการประสานกำลังทางธุรกิจ (synergy) ภายในฐานการผลิตทั้งหมดของ SCGP จำนวน 57 แห่งทั่วโลก ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย สหราชอาณาจักร ประเทศสเปน และประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อพัฒนาโซลูชันบรรจุภัณฑ์ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและช่วยให้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคให้สะดวกสบายขึ้น
SCGP ทำรายได้ครึ่งปีแรกโตต่อเนื่อง โดดเด่นไตรมาสสองที่ 37,982 ล้านบาท มองดีมานด์บรรจุภัณฑ์ในอาเซียนทยอยฟื้นตัว เพิ่มเป้าหมายรายได้เป็น 150,000 ล้านบาท
SCGP ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจ ทำรายได้จากการขายครึ่งปีแรก 74,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ของไตรมาสที่สอง 37,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์อาหารที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของทุกธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการรวมผลการดำเนินงานในธุรกิจที่เข้าไปลงทุน มองดีมานด์บรรจุภัณฑ์ในอาเซียนฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมลุยครึ่งปีหลัง เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว พัฒนาช่องทางขยายฐานลูกค้าที่เติบโตสูง ควบคู่กับการประสานประโยชน์ (Synergy) เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งห่วงโซ่อุปทาน ขยับเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 150,000 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.25 บาท เตรียมขึ้น XD วันที่ 8 สิงหาคมนี้
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 มีรายได้จากการขายเท่ากับ 74,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของทุกสายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการรวมผลดำเนินงานของ Duy Tan, Intan Group และ Deltalab รวมถึงปริมาณความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์อาหารที่เพิ่มขึ้น มี EBITDA เท่ากับ 10,365 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 3,514 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีรายได้จากการขาย 37,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 1,856 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน EBITDA เท่ากับ 5,478 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2565 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 1,073 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 กำหนด XD ในวันที่ 8 สิงหาคม 2565 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 9 สิงหาคม 2565
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า ภาพรวมความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในครึ่งปีหลังของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากนโยบายเปิดประเทศที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความคึกคักให้กับการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์จากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงในหมวดสินค้าแช่แข็ง อาหารกระป๋อง และอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อความต้องการบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัจจัยต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ที่มีผลต่อราคาพลังงานในตลาดโลก โดยคาดว่าราคาพลังงานครึ่งปีหลังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง SCGP มุ่งสร้างการเติบโตที่มั่นคงต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายรวมในปีนี้เท่ากับ 150,000 ล้านบาท ทั้งนี้จะพิจารณาการดำเนินธุรกิจและการลงทุนด้วยความรอบคอบและเหมาะสม โดยยังคงงบลงทุนรวมในปีนี้ประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต การขยายกำลังการผลิต และสร้างการเติบโตร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Merger and Partnership : M&P) โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 SCGP ได้ลงทุนโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกเพื่อรองรับความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยอีก 75,000 ตันต่อปี และล่าสุดได้ขยายการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ (Packaging Materials Recycling Business) ใน Peute Recycling B.V. (Peute หรือ เพอเธ่) และการลงทุนใน Imprint Energy Inc. (Imprint) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตแบตเตอรี่ด้วยการพิมพ์ (Printed Battery) โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 105 ล้านบาท และมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ร้อยละ 3.3 เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโต สามารถนำความรู้ความเชี่ยวชาญมาขยายสู่ภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะได้ด้วย
SCGP ยังคงมุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนตามกรอบแนวคิด ESG และการก้าวไปสู่เป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 ด้วยการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ใช้พลังงานในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพัฒนานวัตกรรมสินค้า บริการ และโซลูชันที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รวมถึงขยายความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อน ESG ล่าสุด SCGP ได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง บริษัท คาโอ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Kao ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและธุรกิจเคมีภัณฑ์ชั้นนำ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมและการให้ความสำคัญกับการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของสองบริษัทที่มีเป้าหมายเดียวกันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างแนวทางที่ยั่งยืนสำหรับผู้บริโภค
SCGP x THINKK Studio แบ่งปันไอเดีย แปลงร่างสร้างมูลค่างานดีไซน์จากวัสดุเหลือใช้
ผ่านไปแล้วกับสัมมนาออนไลน์ Design Talk “TRANSFORMATION” Waste to Value เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2565 ที่ SCGP จับมือกับ THINKK Studio ร่วมกันส่งต่อความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG (Environmental, Social, and Governance) รวมถึงแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ SCGP มุ่งเน้นผ่านการลดการใช้ทรัพยากร การใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบต่างๆ
หนึ่งในแนวทางที่ SCGP ดำเนินการก็คือ Upcycle หรือการนำวัสดุเหลือใช้มาผ่านกระบวนการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อช่วยยืดอายุขัยของวัสดุให้ยาวนานขึ้นและได้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทั้งแตกต่างและมีมูลค่าเพิ่ม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมโครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นเวิร์คช็อปที่ชวนวิสาหกิจชุมชนด้านหัตถกรรม และนักศึกษาด้านการออกแบบและวัสดุศาสตร์ มาร่วมแบ่งปันไอเดียและทดลองสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากวัสดุเหลือใช้ของ SCGP โดยมี THINKK Studio สตูดิโอออกแบบของคนไทยมาช่วยเรื่องกระบวนการคิดและพัฒนาให้วัสดุเหลือใช้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
คุณเดชา อรรจนานันท์ Creative Director และ Co-Founder ของ THINKK Studio เริ่มต้นเล่าถึงการทำงานที่หลากหลายของสตูดิโอตั้งแต่งานออกแบบภายใน งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงการทดลองเล่นกับวัสดุที่หลากหลายจนเป็นที่มาให้เริ่มสนใจการเพิ่มมูลค่าของเศษวัสดุเหลือใช้จากสิ่งแวดล้อม เช่นโปรเจกต์ ‘City Materials’ ที่ทางทีมคัดเลือก 6 วัสดุเหลือใช้ในกรุงเทพฯ อย่างถุงพลาสติก กากกาแฟ เศษวัสดุก่อสร้าง ก้านธูป กระดาษสลากกินแบ่งรัฐบาล และเศษไม้จากการตัดกิ่ง ต่อยอดออกมาเป็นงานออกแบบดีไซน์ใหม่ที่แตกต่าง หรืองาน ‘DEWA & DEWI 2021’ ที่ออกไอเดียนำวัสดุเหลือใช้จากผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมมาพัฒนาเป็นเฟอร์นิเจอร์อย่างชุดโต๊ะนักเรียนที่คำนึงถึงการยืดอายุการใช้งาน และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า ซึ่งนิทรรศการนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจาก SCGP ด้วยเช่นกัน
สำหรับกิจกรรมเวิร์คช็อป “TRANSFORMATION” Waste to Value ที่เพิ่งจัดไปนั้น จารวี ทองบุญเรือง Project Coordinator, ภัทรกร มณีศิลาวงศ์ และสาธิตา แสงสวัสดิ์ Junior Furniture and Product Designer ของ THINKK Studio ก็ได้ร่วมแบ่งปันกระบวนการคิด ทดลอง และออกแบบการแปลงร่างเศษวัสดุทั้ง 4 ชนิดที่ SCGP นำมาเป็นโจทย์ ได้แก่ เส้นเทปเปลี่ยนม้วนกระดาษหรือ Paper Band, เส้นพลาสติกรีไซเคิลจากกระบวนการเป่าขวด, หลอดพลาสติก และพลาสติกบด
ทีมนักออกแบบเริ่มต้นจากทำความเข้าใจคุณสมบัติที่แตกต่างกันของวัสดุ เช่น Paper Band กับเส้นพลาสติกรีไซเคิลที่มีลักษณะเป็นเส้น เหมาะกับขึ้นรูปด้วยการสานและขัดตามหัตถกรรมไทย ส่วนหลอดพลาสติกทรงกระบอกก็เหมาะกับการจับได้ถนัดมือ หรือพลาสติกบด เมื่อนำมาหลอมลงในแม่แบบก็จะเกิดเป็นแผ่นลักษณะคล้ายถาดที่มีพื้นผิวแข็งแรง
จากวัสดุเหลือใช้ที่มีคุณสมบัติแตกต่างหลากหลาย THINKK Studio ได้ทดลองขึ้นรูปร่วมกันด้วยกระบวนการต่างๆ ออกมาเป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ได้ในชีวิตประจำวัน 6 ชิ้น ได้แก่ แจกัน โคมไฟ กระเป๋าถือ (Hand Bag) ถาด พัด และกระเป๋า Tote Bag ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดลองทำกันในเวิร์คช็อปครั้งนี้ แถมยังสร้างการมีส่วนร่วมจากวิสาหกิจชุมชนและนักศึกษา ให้นำถุงพลาสติกเหลือใช้มาผ่านกระบวนการทำความร้อนจนได้ออกมาเป็นแผ่นบางๆ นำไปใช้เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ช่วยตกแต่ง เพิ่มสีสันและเอกลักษณ์ของงานออกแบบแต่ละคนให้มีเอกลักษณ์ หลากหลาย และสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
คุณเดชายังเสริมว่า การเพิ่มมูลค่าให้วัสดุเหลือใช้นั้นสามารถเริ่มได้จากระดับง่ายสุดที่ตัวเราทุกคน เช่น การใช้ทักษะงานฝีมืออย่างง่ายๆ ออกแบบของเหลือใช้หรือขยะในครัวเรือนให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ต่อยอดไปถึงระดับชุมชนที่ต้องคำนึงถึงกระบวนการทิ้งและจัดเก็บขยะ การส่งต่อมาเพื่อแปรรูป หรือหากใครที่สนใจพัฒนาให้ได้ผลลัพธ์ในระดับอุตสาหกรรม เครือข่ายความร่วมมือกับภาคเอกชน รัฐบาล รวมถึงหน่วยงานวิจัยก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะท้ายที่สุด สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้งานออกแบบจากวัสดุเหลือใช้นั้นมีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีไม่แพ้งานออกแบบชิ้นใหม่ และกลมกลืนกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
การชุบชีวิตให้วัสดุเหลือใช้มีมูลค่าเพิ่ม อาจต้องอาศัยทัศนคติและความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบที่จะมองผลลัพธ์ปลายทางให้ออกว่าจะต่อยอดให้ผลิตภัณฑ์ถูกพัฒนาในรูปแบบไหน ผ่านกระบวนการคิด จับ สัมผัส และทดลองหาความเป็นไปได้ของวัสดุนั้นๆ โดยไม่มีกรอบจำกัด อย่างที่ THINKK Studio ก็ได้ทดลองกับวัสดุเหลือใช้ของ SCGP ในเวิร์คช็อปครั้งนี้ ซึ่งทางทีมมองว่าประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วม ให้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดสร้างสรรค์และทักษะระหว่างนักศึกษาที่มีไอเดียสดใหม่ กับชาวบ้านจากวิสาหกิจชุมชนที่ถนัดงานฝีมือที่ประณีตเป็นทุนเดิม งานนี้ถือว่าทุกฝ่ายได้แรงบันดาลใจกลับไปพลิกแพลงต่อยอดในงานออกแบบของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม
เพราะท้ายที่สุด แนวคิดเรื่อง Upcycling ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียงกระแสชั่วคราว แต่คือตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการออกแบบผลิตภัณฑ์และอนาคตของโลกโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและโลกของพวกเราให้มากที่สุดนั่นเอง
SCGP ลงทุนครั้งสำคัญใน “Peute” (เพอเธ่) ธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ในยุโรป เพิ่มวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลกว่าล้านตัน เสริมแกร่งเป้าหมายบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน
SCGP เดินกลยุทธ์ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเข้าลงทุนซื้อหุ้นร้อยละ 100 ใน “Peute” (เพอเธ่) ผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์และผู้จำหน่ายวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลและพลาสติกรีไซเคิลรายใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ เพิ่มความสามารถจัดหาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล 1 ล้านตันต่อปี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ การผลิตสินค้าทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ตลอดจนธุรกิจโซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และรองรับความต้องการบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนที่สูงขึ้นของลูกค้าและผู้บริโภค หนุนการนำเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการรีไซเคิลในอาเซียน
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงานตามกลยุทธ์ระยะยาวของ SCGP ให้มีความแข็งแกร่งของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ตลอดทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ล่าสุด ได้เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 100 ใน Peute Recycling B.V. (Peute) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ ทั้งกระดาษและพลาสติกรายใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยการเข้าซื้อหุ้นข้างต้นดำเนินการสำเร็จเรียบร้อยแล้ว SCGP ได้ชำระเงินสำหรับการเข้าถือหุ้นร้อยละ 100 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 78.19 ล้านยูโร หรือประมาณ 2,875 ล้านบาท ธุรกรรมข้างต้นเป็นการดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด โดย SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Peute ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 นับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการขยายการลงทุนในภูมิภาคยุโรปในรูปแบบ Merger & Partnership (M&P)
Peute เป็นบริษัทรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์และซื้อขายกระดาษและพลาสติกเพื่อรีไซเคิลรายใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ ดำเนินธุรกิจและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี มีรายได้ 249 ล้านยูโร (ประมาณ 9,160 ล้านบาท) และกำไร 3.2 ล้านยูโร (ประมาณ 120 ล้านบาท) รวมถึงมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปีที่ผ่านมา 52 ล้านยูโร (ประมาณ 1,930 ล้านบาท) สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของการดำเนินงานที่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความท้าทายด้านเศรษฐกิจในทวีปยุโรป Peute มีความสามารถจัดหาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล 1 ล้านตันต่อปี และจัดหาพลาสติกรีไซเคิล 1 แสนตันต่อปี ปัจจุบันโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองดอร์เดรชท์ และมีแผนจะย้ายโรงงานไปยังเมืองอัลบลาสเซอร์ดัม ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือรอตเตอร์ดัม เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มความสามารถจัดหากระดาษและพลาสติกรีไซเคิลได้อีกเท่าตัว และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น (รายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์ www.peute.nl)
บริษัทฯ มั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพให้ SCGP สามารถขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้ และจะเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญต่อกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาว สร้างความแข็งแกร่งด้านการจัดหาวัตถุดิบเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์ทุกกลุ่ม ทั้งด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์ต้นน้ำ ปลายน้ำ และการบูรณาการภายใน เพื่อนำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร
นอกจากนี้ การลงทุนดังกล่าวยังสอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้วัสดุรีไซเคิลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง จากความสามารถในการจัดหากระดาษและพลาสติกรีไซเคิลที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้ จะทำให้ SCGP สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้าและผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และโมเดลการบริการจัดการวัสดุเหลือใช้จาก Peute มาช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนด้วย
อีกทั้ง SCGP มีการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายและครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ โดยปัจจุบัน SCGP มีความต้องการใช้วัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลประมาณ 4.4 ล้านตันต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกตามแผนงานขยายกำลังการผลิตในอนาคต ดังนั้น การลงทุนครั้งนี้จะเพิ่มความสามารถการแข่งขันให้กับ SCGP จากการมีเครือข่ายจัดหาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลเพิ่มขึ้นและครอบคลุม โดยช่องทางในปัจจุบันประกอบด้วย ศูนย์จัดการวัสดุรีไซเคิลของ SCGP การจัดเก็บโดยตรงจากแหล่งวัตถุดิบหลักและคู่ค้าท้องถิ่น รวมถึงแหล่งวัตถุดิบนำเข้าที่หลากหลาย ทั้งจากสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป ประเทศญี่ปุ่น และโอเชียเนีย
SCGP มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน โดยนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ตลอดจนให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตรวม 56 แห่ง ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย สหราชอาณาจักร และประเทศสเปน
SCGP x THINKK ชวนร่วม Design Talks “Transformation Waste to Value” แปลงร่างวัสดุเหลือใช้เพื่อสร้างมูลค่า
xxxx