SCGP Newsroom

HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS ได้รับรางวัล “ชีวจิต AWARDS 2023” การันตีสินค้าคุณภาพพร้อมนวัตกรรมตอบโจทย์ผู้รักสุขภาพ

HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS ได้รับรางวัล ชีวจิต AWARDS 2023” สาขา GURU’s PICK แห่งปี 2023 จัดโดย นิตยสารชีวจิต ซึ่งมอบให้แก่ผลิตภัณฑ์ชั้นนำทั้งของไทยและต่างประเทศ ที่มีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพ รวมถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนายเอกราช นิโรจน์ Enterprise Marketing Director, SCGP เป็นตัวแทนรับมอบรางวัลจากคุณวลีรัตน์​  ศักดิ์ขจรยศ Deputy Managing Director บริษัท​ อมรินทร์​ คอร์เปอเรชั่นส์​ จำกัด​ (มหาชน)​ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2566IMPACT Arena เมืองทองธานี 

 

รางวัลชีวจิต AWARD” ผ่านการคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในหลากหลายสาขา จากการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่ง HOLIS by SCGP ได้รับรางวัลดังกล่าวต่อเนื่องเป็นปีที่สอง นับเป็นความภาคภูมิใจและสะท้อนให้เห็นการมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสินค้าอย่างต่อเนื่อง และความร่วมแรงร่วมใจของทีมงานและพนักงาน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคจนเป็นที่ยอมรับ

 

สามารถติดตามข่าวสารและโปรโมชันจาก HOLIS by SCGP ได้ที่เว็บไซต์ www.holisbyscgp.com เฟซบุ๊กแฟนเพจ HOLIS by SCGP และ LINE @SCGPHealthcare

 

HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS ยกระดับการทำงานของลำไส้ สุขภาพดีแบบองค์รวม”

SCGP ปิด 2 ดีล M&P เสริมศักยภาพบรรจุภัณฑ์ที่เติบโตสูง ขยายช่องทางจำหน่ายและฐานลูกค้าบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และรุกอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ

SCGP เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 100 ใน Law Print ผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในสหราชอาณาจักรและแถบยุโรป เพิ่มศักยภาพขยายช่องทางจำหน่ายและฐานลูกค้า และเข้าถือหุ้นร้อยละ 85 ใน Bicappa ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการในอิตาลี เพื่อขยายสู่ตลาดอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ “ปิเปตต์ทิป” และเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิต เตรียมรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ล่าสุดได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้น (Merger and Partnership: M&P) ทั้งหมดร้อยละ 100 ใน Law Print & Packaging Management Limited หรือ Law Print (ลอว์ พรินทร์) ผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองสต็อกพอร์ต (Stockport) สหราชอาณาจักร การเข้าถือหุ้นดังกล่าวจะดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. หรือ SCGPSS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด โดยใช้เงินลงทุน 10.68 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 475 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2565 Law Print มีรายได้ 12.2 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 570 ล้านบาท มีกำไรรวมหลังหักภาษีประมาณ 2.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 125 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 6.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 300 ล้านบาท

Law Print เป็นผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ทั้งการออกแบบ จัดพิมพ์ ตรวจสอบรับประกันคุณภาพ การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ และมีจุดเด่นในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจเชิงลึก นอกจากนี้ Law Print สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายฐานลูกค้าบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวของ SCGP สู่ลูกค้าในสหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป ตลอดจนจะได้รับประโยชน์จากการผสานความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกัน ทั้งการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง (Cross-selling) ของบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer packaging products) ให้กับลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติ ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Law Print

ขณะเดียวกัน SCGP ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และขยายช่องทางจำหน่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยลงนามในสัญญาซื้อหุ้นร้อยละ 85 ใน Bicappa Lab S.r.L. หรือ Bicappa (บิแคปปา) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ รวมถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ “ปิเปตต์ทิป” (Pipette tips) ในเมือง Roletto (รอเลตโต) ประเทศอิตาลี และเป็นรายใหญ่ในทวีปยุโรป โดยใช้เงินลงทุนรวม 3.23 ล้านยูโร หรือประมาณ 125 ล้านบาท โดยจะดำเนินการผ่าน Deltalab, S.L. (Deltalab) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นร้อยละ 85 ขณะที่ผลการดำเนินงานของ Bicappa ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีรายได้ 3 ล้านยูโร หรือประมาณ 115 ล้านบาท มีกำไรรวมหลังหักภาษี 0.62 ล้านยูโร หรือประมาณ 23.5 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ 2.4 ล้านยูโร หรือประมาณ 90 ล้านบาท

Bicappa เป็นหนึ่งในผู้ผลิต Pipette tips รายใหญ่ในทวีปยุโรป ใช้ระบบเครื่องจักรอัตโนมัติในการผลิตและออกแบบแม่พิมพ์ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ Deltalab สามารถเพิ่มกำลังการผลิต Pipette tips ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีการออกแบบแม่พิมพ์ฉีดขึ้นรูปสำหรับผลิตภัณฑ์ Auto-pipetting ที่มีความแม่นยำสูง อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ของ SCGP ในอาเซียน และสร้างการเติบโตของธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ในอนาคตได้

“SCGP ดำเนินงานตามกลยุทธ์ในการขยายการลงทุนเพื่อรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยการลงทุนในบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้าและการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไปยังตลาดระดับโลก และการเข้าลงทุนในธุรกิจด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตจากการขยายฐานลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและต่อยอดธุรกิจได้ทั้ง Value Chain โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากทั้ง 2 ดีล ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป” นายวิชาญ กล่าว
 

SCGP เผยรายได้ 9 เดือนแรก 97,517 ล้านบาท ปัจจัยหนุนจากบรรจุภัณฑ์กลุ่มอาหารฟื้นตัวต่อเนื่อง นำ AI ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สร้างความยั่งยืนสู่เป้า ESG

SCGP เปิดรายได้จากการขายรวม 9 เดือนแรกปี 2566 เท่ากับ 97,517 ล้านบาท และมีกำไรสำหรับงวด 4,030 ล้านบาท ชูธงเทคโนโลยี AI เสริมแกร่งลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมเพิ่มยอดขายบรรจุภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มรับดีมานด์โต คาดแนวโน้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ไตรมาสสุดท้ายฟื้นตัว เดินหน้า ESG ลุยเพิ่มสัดส่วนพลังงานทางเลือก คาดสิ้นปีลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 15 ก้าวหน้าเร็วกว่าแผน

 

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP แถลงผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 97,517 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน EBITDA 13,381 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสำหรับงวด 4,030 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาและปริมาณขายสินค้ากระดาษบรรจุภัณฑ์และเยื่อกระดาษที่ปรับลดลง

 

สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 SCGP มีรายได้จากการขาย 31,572 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา มี EBITDA อยู่ที่ 4,229 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และกำไรสำหรับงวด 1,325 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งลดลงมาจากราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซีย ปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีนที่ลดลง และปริมาณขายและราคาขายเยื่อกระดาษที่ลดลง

 

SCGP ได้ดำเนินตามกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะตลาด โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มยอดขายบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังเติบโตได้ดีในอาเซียนจากการบริโภคภายในประเทศ เช่น บรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูป ผลไม้ และบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค จากความต้องการใช้ในประเทศไทยและเวียดนามที่เพิ่มขึ้น การส่งออกในสินค้ากลุ่มนี้ที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงส่งเสริมพนักงานให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบการทำงานและนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ โดยโรงงานในไทยสามารถประหยัดต้นทุนด้านพลังงานได้ถึงปีละ 130 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 30,000 ตันคาร์บอนต่อปี ในปี 2566

 

นายวิชาญ กล่าวว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าจะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่ความต้องการใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคจะทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ การที่รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของภาคการผลิตและการปรับขึ้นราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ เป็นปัจจัยบวกให้กับการส่งออกของอาเซียน ส่วนธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะได้รับปัจจัยบวกจากการเตรียมตัวเข้าสู่การเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2567 ซึ่งจะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและดีมานด์บรรจุภัณฑ์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

 

SCGP ได้เดินหน้าตามกลยุทธ์ขยายกำลังการผลิตและการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพสูงเพื่อรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพ สำหรับความคืบหน้าโครงการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) ในประเทศไทย ได้เริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา และโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษในประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 สำหรับธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ Peute (เพอเธ่) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เตรียมเปิดโรงงานแห่งใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2566 ซึ่งจะทำให้มีความสามารถจัดหากระดาษและพลาสติกรีไซเคิลเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว 

 

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนใน Starprint Vietnam JSC (SPV) ประเทศเวียดนาม คาดว่าดีลจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 นี้ นอกจากนี้ยังเตรียมลงทุนในบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้าและรองรับการขยายธุรกิจไปยังตลาดระดับโลก และการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตจากการขยายฐานลูกค้าและต่อยอด Value Chain ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้

 

ขณะเดียวกัน SCGP มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวคิด ESG โดยการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก คาดว่าภายในสิ้นปี 2566 จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ร้อยละ 15 ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ตาม Science Based Target Initiative : SBTi ที่ร้อยละ 7.5 จากปีฐาน 2563 พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) วงเงิน 3,000 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 5 ปี จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ SCGP บรรลุผลตามเป้าหมายหลักในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
 

SCGP จัดกิจกรรมพาผู้ถือหุ้นสามัญเยี่ยมชมกิจการของบริษัทที่จังหวัดราชบุรี

SCGP จัดกิจกรรมสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญเยี่ยมชมกิจการของบริษัทที่จังหวัดราชบุรี ในวันที่ 4 กันยายน 2566 โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 50 ราย และ ในวันที่ 21 กันยายน 2566 โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 47 ราย รวมผู้ถือหุ้นฯ ทั้ง 2 รอบ จำนวน 97 ราย

กิจกรรมประกอบด้วย การเยี่ยมชม SCGP Innovation and Product Development Center, เครื่องผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์เครื่องที่ 16 (PM16), โรงงานผลิตพลังงานที่ใข้วัสดุเหลือใช้ในการผลิต 100%, รวมทั้งเยี่ยมชมกิจกรรม CSR และบริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ โรงงานราชบุรี โดยมี คุณวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และทีมงาน SCGP ให้การต้อนรับผู้ถือหุ้นฯ ในครั้งนี้ด้วย

SCGP จับมือ กรุงศรี รับการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) เสริมแกร่งความก้าวหน้าด้าน ESG สู่การเติบโตที่ยั่งยืน

SCGP ลงนามรับการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี จากกรุงศรี เพื่อนำไปลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำพันธกิจในด้าน ESG และเป็นก้าวสำคัญในการประสานความร่วมมือสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน 

 

ทั้งนี้ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้าน ESG ผ่านความร่วมมือจาก  MUFG กรุงศรี ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ให้คำปรึกษาทางด้านสินเชื่อสีเขียว (Green Structuring Advisor) และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว (Sole Lender) ของสินเชื่อ Green Loan ในครั้งนี้ ซึ่งตรงตามเกณฑ์คัดกรองทางเทคนิค (Technical Screening Criteria) ของ มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Taxonomy) และ มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (Thailand Taxonomy) โดยจะนำเงินที่ได้จากสินเชื่อสีเขียวไปใช้ลงทุนในโครงการที่สอดคล้องกับกรอบการจัดหาเงินทุนด้านสิ่งแวดล้อม (Green Financing Framework) เช่น โครงการด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) และโครงการด้านการบริหารจัดการน้ำ (Water Management) เป็นต้น 

 

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า “SCGP มุ่งมั่นและเดินหน้าในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG นับเป็นโอกาสอันดีที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) โดยมีวงเงินกู้ทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินกู้ดังกล่าวมาใช้ดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ ในการเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทดแทนและเชื้อเพลิงหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20 ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563 ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งต่อยอดการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ SCGP บรรลุผลตามเป้าหมายหลักในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับบริษัท และความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม”

 

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีมุ่งสนับสนุนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน (ESG Finance) อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยส่งเสริมให้ภาคธุรกิจปรับตัวไปสู่ความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับแผนการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และในครั้งนี้กรุงศรีมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต่อยอดความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) ให้กับ SCGP ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำที่มีความแข็งแกร่งทั้งในด้านการเงินและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยกรุงศรีเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้ทั้งสองบริษัทบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และร่วมขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”
 

SCGP รับรางวัลชนะเลิศ Outstanding in Corporate Governance Award จากหอการค้าเนเธอร์แลนด์-ไทย สะท้อนการดำเนินงานด้าน ESG

SCGP ได้รับรางวัลชนะเลิศ Outstanding in Corporate Governance Award จากหอการค้าเนเธอร์แลนด์-ไทย (Netherlands-Thai Chamber of Commerce : NTCC) จากการดำเนินงานด้านบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาที่สำคัญของ ESG อย่างดีเยี่ยม สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ สร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต โดยรางวัลดังกล่าวได้มาจากการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของหอการค้าฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนจากสถาบันการศึกษา รวมถึงการโหวตจากสถาบันและผู้เข้าร่วมกิจกรรมของ NTCC อันสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้าน ESG จนเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับนานาชาติ

นอกจากนี้ SCGP ยังได้รับรางวัล Appreciation Award: Thai Investor in the Netherlands ในฐานะเป็นองค์กรที่มีการส่งเสริมการค้า-การลงทุนระหว่างประเทศไทยและประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นอย่างดี รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับสมาชิกของ NTCC อย่างต่อเนื่อง 

“SCGP พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยและยั่งยืนสู่ตลาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แท้จริง และยังมีเป้าหมาย Net Zero สำหรับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2050 นี้ โดยได้ดำเนินการด้าน ESG ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการมุ่งมั่นปฏิบัติตาม SCGP Code of Conduct และส่งเสริมให้คู่ธุรกิจปฏิบัติตามด้วย นอกจากนี้มีการลงทุนใน Puete ผู้นำธุรกิจ Recycling Business ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งสามารถเพิ่มความยั่งยืนให้ระบบห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ทำให้สามารถสร้างการเติบโตในธุรกิจไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน” คุณดนัยเดช เกตุสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าว

พิธีมอบจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในงาน Road to Net-Positive จัดโดย Netherlands-Thai Chamber of Commerce (NTCC) ณ โรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok
 

SCGP ประกาศผลงานออกแบบบรรจุภัณฑ์โครงการ ‘SCGP Packaging Speak Out 2023’ รับสังคมสูงวัย โดย “พลังรุ่นใหม่” เพื่อรุ่นใหญ่

SCGP ชูพลังรุ่นใหม่เพื่อรุ่นใหญ่ ประกวดออกแบบผ่านโครงการ ‘SCGP Packaging Speak Out 2023’ ในโจทย์ “แพคเกจจิ้งเพื่อผู้สูงวัย” รอบตัดเชือก 10 ทีมสุดท้าย จากผลงานที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมด 288 ผลงาน โดยทีม 60s Kids คว้ารางวัลชนะเลิศ จากผลงาน “ศีรษะ” ออกแบบแพคเกจจิ้งแชมพูและครีมนวดผมเพื่อแก้ปัญหาผู้สูงวัยลื่นล้มในห้องน้ำ

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า หนึ่งในวิสัยทัศน์การพัฒนาธุรกิจ SCGP คือการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนา “คุณภาพชีวิตที่ดี” ของผู้คนผ่านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ จึงเป็นที่มาของการจัดการประกวด SCGP Packaging Speak Out ส่งเสียง เปลี่ยนโลก ด้วยแพคเกจจิ้ง  ซึ่งจัดมาต่อเนื่อง โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 8 กับการออกแบบคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการสร้างสรรค์ “แพคเกจจิ้งเพื่อผู้สูงวัย” พลังรุ่นใหม่ เพื่อรุ่นใหญ่ ภายใต้แนวคิด Possibilities for the Betterment รับเทรนด์สังคมสูงวัยในไทย และอีกหลายประเทศในโลก (Aging Society) ซึ่งมองเป็นโอกาสของธุรกิจแพคเกจจิ้งในอนาคต 

 

“SCGP ยินดีที่ได้จัดกิจกรรมนี้ นอกเหนือจากการประกวดที่ต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ สิ่งสำคัญกว่านั้นคือน้อง ๆ ได้มีโอกาสในการได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์ที่จะติดตัวไปในการดำเนินชีวิตและการทำงานในอนาคต โดยในแง่ของการออกแบบแพคเกจจิ้ง จุดแข็งหนึ่งคือการมีงานวิจัย มีข้อมูลที่เป็นความจริงรองรับ ซึ่งจะสะท้อนความเป็นไปได้ในการนำแพคเกจจิ้งนั้นไปประยุกต์ใช้ในเชิงธุรกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP กล่าว

 
สำหรับการประกวด SCGP Packaging Speak Out 2023 ในครั้งนี้มีผลงานที่ Gen Z ส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 288 ผลงาน คัดผู้เข้ารอบ 10 ทีมสุดท้าย เพื่อนำเสนอผลงานชิงเงินรางวัลรวม 200,000 บาท ภายใต้เกณฑ์ความคิดสร้างสรรค์และแนวคิดการออกแบบตามโจทย์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัยและเพื่อโลกที่ยั่งยืน การออกแบบโครงสร้างแพคเกจจิ้ง การออกแบบกราฟิกให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย และความเป็นได้ในพัฒนาต่อยอดเชิงธุรกิจ 

โดยทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ (The Best of Challenge)  ได้รับเงินรางวัล 70,000 บาท ได้แก่ ทีม 60s Kids นางสาวฎีการัช ธรรมรัตนกุล และนายกรณ์ชัช ติยวุฒิโรจนกุล คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับผลงาน “ศีรษะ” โดยนำปัญหาของผู้สูงวัยจากงานวิจัยที่พบว่า ปัญหาการล้มในผู้สูงวัย มากกว่า 50%  เกิดในห้องน้ำ มาออกแบบแพคเกจจิ้งผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่เอื้อต่อการใช้งานของผู้สูงวัยในห้องน้ำ  ได้แก่  ฝากดแบบมือเดียว ง่ายต่อการใช้งาน  มีแผ่นซิลิโคนกันลื่นที่บริเวณกด มีพื้นผิวนูนด้านข้างขวดช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน ลดการลื่น มีตัวอักษรขนาดใหญ่อ่านชัด ไม่ใส่ข้อมูลมากเกินไป ใช้สีและขนาดดึงดูดสายตา ใช้รูปภาพสัญลักษณ์เพื่อช่วยการอธิบาย และเลือกใช้วัสดุ Mono-layer plastic : PE พลาสติกที่สร้างจากพลาสติกชนิดเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปรีไซเคิล สะท้อนความใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นต้น 
รางวัลรองชนะเลิศ (Runner-Up) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท ได้แก่ ทีม Dec Product นางสาวอัญชิสา อมรธนภัทร และนางสาวพรรษชล ไตรวิทยากร คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กับผลงาน “เนตรา” ชุดผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ทำความสะอาดตาสำหรับผู้ป่วยหลังผ่าต้อกระจก โดยออกแบบแพคเกจจิ้งให้สามารถใช้งานได้ง่ายด้วยมือเดียว ขนาดแพคเกจจิ้งไม่เล็กมากทำให้มองเห็นจากระยะไกลได้ชัดขึ้น จับถนัดมือ น้ำยาไม่หกขณะปิด สีสะดุดตา มีตัวหนังสือขนาดใหญ่  เป็นต้น

 
รางวัล  Honorable Mentions  ได้รับเงินรางวัลทีมละ 20,000 บาท ได้แก่ 

ทีม 123 หน่อ นายวิริทธิ์พล จันทรศิริจัน นายยุวรัตน์ บุญมาศ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และนางสาวธัญณิชา วันทยะกุล คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จากผลงาน แพคเกจจิ้งผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ตรา Comfee แพคเกจจิ้งทรงสี่เหลี่ยมเพื่อความสะอาดในการจัดเก็บและวางต่อกันบนชั้นวางของร้านค้า มีหูหิ้วข้างกล่องเพื่อความสะดวกในการขนย้าย

ทีม Woof  Woof  นางสาวลภัสรดา สฤษฎ์ผล และนางสาวสุนทรีลักษณ์ เอี๋ยตระกูล คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จากผลงาน เฟลอร์ บรรจุภัณฑ์ขวดใส่ปุ๋ยแบบน้ำเพื่อผู้สูงอายุ ถูกออกแบบเพื่อช่วยแก้ปัญหาการเปิดขวดยาก เป็นบรรจุภัณฑ์แบบขวดที่มีฝาขวดเป็นรูปทรงดอกไม้

ทีม Pin นางสาวชัญญารัสมิ์ ปิ่นแก้ว คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลงาน ฟิตฟุต กล่องรองเท้าเพื่อสุขภาพ ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพร่างกายที่ผู้สูงอายุในครอบครัวเราพบเจออยู่เป็นประจำ โดยออกแบบให้กล่องรองเท้าสามารถสร้างคุณค่าต่อด้วยการเพิ่มอุปกรณ์ที่ใช้บริหารฝ่าเท้าได้
 

และทีม ppm นางสาวปาริตา ยิ่งยงอุดมผล นางสาวพรสินี น้อยประชา และนางสาวอนันตชา จั่นอยู่ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลงาน ยาดมสมุนไพร ดีไซน์บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มฟังก์ชันแบบปุ่มนวด เพื่อให้ผู้สูงวัยได้บริหารมือในขณะใช้งาน

ทุกผลงานล้วนเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับคนรุ่นใหญ่ พร้อมทั้งคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และเป็นมิตรกับโลก ที่น้อง ๆ รุ่นใหม่ทุ่มเทออกแบบและระเบิดความสร้างสรรค์ได้อย่างน่าสนใจ เปิดความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้ชาวสูงวัยได้แฮปปี้ เพื่อร่วมเปลี่ยนสังคมและโลกให้น่าอยู่และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ผู้ที่สนใจติดตามรายละเอียดผลการแข่งขันเพิ่มเติมได้ที่ https://thechallenge.scgpackaging.com/en/ideaTank-th

มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับ SCGP คว้ารางวัลชนะเลิศ นวัตกรรมเตียงกระดาษ ออกแบบโดย SCGP สำหรับออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ตอกย้ำแนวคิดสร้างสรรค์ เน้นตอบโจทย์การใช้งาน ลดเหลื่อมล้ำในสังคม

มูลนิธิเอสซีจี ผนึกกำลัง นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) โดยมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ และแพทยสภา และ SCGP เดินหน้าสร้างประโยชน์ด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้สังคมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติประจำปี 2566 ในสาขาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม องค์กรเพื่อสังคมและชุมชน จากผลงาน “นวัตกรรมเตียงกระดาษ สำหรับออกหน่วยเเพทย์เคลื่อนที่” ที่ร่วมกันสร้างสรรค์โดยทีมนักออกแบบ SCGP มูลนิธิเอสซีจี และ ปธพ. โดยต่อยอดจากเตียงสนามกระดาษที่เคยรองรับผู้ป่วยโควิด 19 ให้สามารถตอบโจทย์การใช้สำหรับการปฏิบัติงานของแพทย์และการใช้บริการของผู้ป่วยในหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย และเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก 

รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ จัดโดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติแก่คนไทย ที่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีความโดดเด่นและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างชัดเจน โดยในการประกวดครั้งนี้ มีองค์กรต่าง ๆ ร่วมส่งประกวดกว่า 300 องค์กร

CPF x SCGP x SCGC จับมือพัฒนาบรรจุภัณฑ์อาหารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดูแลโลกยั่งยืน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับพันธมิตร 2 บริษัทในกลุ่ม SCG ที่มุ่งเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการสร้างความยั่งยืน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์จากเยื่อกระดาษและพอลิเมอร์ กับบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP และ ด้านนวัตกรรมพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) กับบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC โดยร่วมกันศึกษาพัฒนาโซลูชันบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารในเครือซีพีเอฟ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งสะอาดและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค พร้อมเปิดโอกาสพัฒนานวัตกรรมร่วมกับพันธมิตรทั้งในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ที่มีเป้าหมายความยั่งยืนร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมตามแนวทางดำเนินธุรกิจ ESG (Environmental, Social and Governance) และรองรับความต้องการของตลาดบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  
 
พิธีลงนาม MoU มีนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ ลงนามร่วมกับ นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP และนายสุรชา อุดมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานนวัตกรรม และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC พร้อมด้วยนางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานกิจการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา ผู้บริหารสูงสุดสายงานจัดซื้อกลาง และนายกิตติ หวังวิวัฒน์ศิลป์ ผู้อำนวยการ สายงานวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ซีพีเอฟ ร่วมในพิธี ณ ห้องบอร์ดรูม ชั้น 30 อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ สีลม    
 
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า “ซีพีเอฟมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจทุกมิติบนพื้นฐานของความยั่งยืน เติบโตและช่วยกันดูแลโลก ดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ความร่วมมือในวันนี้ เป็นการผนึกกำลังของ 3 บริษัท ที่จะช่วยกันพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เป็นความตั้งใจของซีพีเอฟในการผลิตอาหารที่ดีต่อกาย ดีต่อใจ และดีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้ง 3 บริษัทมีเป้าหมายด้านของความยั่งยืนเหมือนกัน และมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมทำธุรกิจแล้วมีส่วนรักษ์โลก มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ในปี 2050 ซึ่งบรรจุภัณฑ์เป็นเรื่องที่
ซีพีเอฟให้ความสำคัญ โดยปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์ของซีพีเอฟ 99.9% สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (Reusable) หรือนำกลับมาใช้ซ้ำ (Recycle) หรือย่อยสลายได้ (Compostable) และหวังว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้ในอนาคตบรรจุภัณฑ์ของ
ซีพีเอฟจะมีส่วนช่วยรักษ์โลกมากยิ่งขึ้น  ช่วยให้กระบวนการใช้บรรจุภัณฑ์ของประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”      
 
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “SCGP ให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ผ่านการพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของสินค้าและบริการ เพิ่มสัดส่วนการนำกระดาษที่ใช้งานแล้วจากผู้บริโภคนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตและเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 และพร้อมผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรในการส่งเสริมแนวทางที่ยั่งยืนไปสู่ผู้บริโภค ความร่วมมือกับซีพีเอฟในครั้งนี้ โดย SCGP จะนำความรู้ ความชำนาญ และเทคโนโลยีมาใช้ในการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ทั้งบรรจุภัณฑ์จากเยื่อกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากพอลิเมอร์ที่มีความยั่งยืน เหมาะสมกับกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ของ
ซีพีเอฟเพื่อสร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน”    
    
นายสุรชา อุดมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานนวัตกรรม และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวว่า “ประเทศไทยส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารค่อนข้างสูง และมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำด้านอาหารของโลก การบริโภคอาหารที่มีคุณภาพเยี่ยมภายใต้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความมั่นคงทางด้านอาหาร (Food Security) ควบคู่ไปกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)  ซึ่ง SCGC พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้าน Green Innovation มายกระดับบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารให้มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย บนมาตรฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยนวัตกรรมพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMERTM สามารถตอบโจทย์ Low Waste และ Low Carbon พร้อมส่งมอบโซลูชันครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ การลดใช้ทรัพยากร (Reduce) การออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ (Recyclable) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน (Renewable)”

 

SCGP มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณให้กับพันธมิตรทางธุรกิจที่ร่วมพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน

SCGP จัดงานสัมมนา SCGP Circularity in Action : Pursuit of Packaging Sustainability เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ร่วมกันกับลูกค้าในด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีพันธมิตรทั้งในไทยและต่างประเทศร่วมงานกว่า 40 บริษัท ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566

ภายในงาน คุณกรัณย์ เตชะเสน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูง SCGP 
ได้มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเพื่อแสดงความขอบคุณพันธมิตรทางธุรกิจที่ร่วมพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันในอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนไปสู่ผู้บริโภค ในกลุ่มสินค้าประเภทต่าง ๆ ดังนี้

พันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มสินค้า R1 (Recyclable mono-material laminated)
•    Betagro / B. Foods Product International Co., Ltd.
•    Jei Lee USA Corporation
•    Kimberly-Clack Thailand Co., Ltd.
•    C.P. Intertrade Co.,Ltd. และ Khao C.P. Co., Ltd.
•    KF Foods Limited
•    Lucky Union Foods Co., Ltd.
•    Marine Gold Products Ltd.
•    Masan Consumer Corporation
•    Mars Petcare (Thailand) Co., Ltd.
•    Okeanos Food Co., Ltd.
•    Pacific Fish Processing Co., Ltd.
•    Thaveevong Industry Co., Ltd.

พันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มสินค้า R1+ (Recyclable mono-material laminated with barrier)
•    Mondelez Kinh Do JSC

พันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มสินค้า Recyclable mono-material packaging with recycled content
•    Uni-charm (Thailand) Co., Ltd.

พันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มสินค้า Rigid plastic with 100% PCR
•    The Shell Company of Thailand Limited

พันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มสินค้า Rigid plastic with PCR
•    Colgate-Palmolive (Thailand) Limited
•    Equator Pure Nature Co., Ltd.
•    S&J International Enterprises Public Company

พันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มสินค้า Rigid plastic with label-less bottle
•    M. Water Co., Ltd.

พันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มสินค้า Retort-able recyclable and lightest weight food cup and jar
•    Dole Thailand Ltd.

พันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มสินค้า Retort-able recyclable food cup with PCR
•    Del Monte Foods, Inc.

 

SCGP ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้า บริการ และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน และตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) พร้อมมุ่งสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและผู้ประกอบการในอุตสากรรมเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกอย่างต่อเนื่อง