SCGP Newsroom

แสงชัย วิริยะอำไพวงศ์ : มุมมองความคิด เพื่อก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

บนเส้นทางแห่งประสบการณ์กว่า 30 ปี

ตั้งแต่เรียนจบเมื่อปี 2530 พี่แสงเริ่มต้นชีวิตการทำงานกับบริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด (โรงงานบ้านโป่ง) ในตำแหน่งวิศวกรทางด้านงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ต่อมาได้รับมอบหมายดูแลงานด้านคุณภาพและสิ่งแวดล้อม รวมเวลาที่อยู่โรงงานบ้านโป่งทั้งหมด 15 ปี ก่อนจะย้ายไปดูแลงานด้านการผลิตที่โรงงานวังศาลาเมื่อปี 2546 หลังจากนั้นกลับมาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการโรงงานบ้านโป่งและวังศาลาตามลำดับ จนกระทั่งปี 2556 ได้ไปปฏิบัติงานในต่างประเทศเป็นครั้งแรก

 

“พี่ย้ายไปประจำที่ Vina Kraft Paper Co., Ltd. ประเทศเวียดนาม ตอนนั้นเวียดนามมีอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมาก อยู่ที่นั่นได้ 3 ปี จึงตัดสินใจขยายกำลังการผลิต เพิ่มเครื่องผลิตกระดาษเครื่องที่ 2 โดยใช้เทคโนโลยีผสมผสานของยุโรปกับจีนเป็นครั้งแรก ซึ่งโครงการสำเร็จลุล่วงเร็วกว่ากำหนดไว้ถึง 5 เดือน จากนั้นในปี 2561 กลับมาดูแลงานในประเทศไทย เป็นประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการกระดาษบรรจุภัณฑ์ SCGP จนถึงตอนนี้ครับ”

 

 

4 แนวทางพื้นฐานการทำงานเป็นทีม

 

30 กว่าปีที่ผ่านมา งานเริ่มแรกของพี่แสงคือ การดูแลหน้างานต่าง ๆ เน้นเรื่องการบริหารจัดการประสิทธิภาพการผลิตเฉพาะพื้นที่ เมื่อเปลี่ยนมาสวมบทบาทเป็นผู้บริหาร วิธีการทำงานจึงเปลี่ยนเป็นการดูภาพรวมทั้งหมดเพื่อให้ทุกหน่วยงานทำงานไปในทิศทางเดียวกัน

 

“งานหลักของพี่คือ การบริหารงานและการประสานงานระหว่างบริษัทที่ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ของ SCGP ในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ให้ดำเนินงานกันแบบ Synergy เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท โดยแนวทางที่พี่ใช้มาตลอดคือ

 

1. Teamwork – การทำงานร่วมกันเป็นทีม ต้องมีการพูดคุยและนำเสนอความคิดเห็นที่แตกต่าง และนำทั้งหมดมาประมวลผลจนได้ข้อสรุปซึ่งดีและรวดเร็วกว่าการคิดและทำคนเดียว

2. Common Goal – การยึดเป้าหมายร่วมกัน และมองภาพงานแบบองค์รวม (Holistic Viewpoint จะช่วยให้ทำงานร่วมกันในลักษณะที่เป็น Collaboration และ Synergy เพื่อประโยชน์สูงสุดและเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ได้ง่ายขึ้น

3. Cheer Up – ส่งสริม สนับสนุน และให้คำปรึกษาเพื่อให้งานดำเนินจนถึงเป้าหมาย และจัด Small Win เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและชมเชยทีมงานเมื่อสำเร็จตามเป้าหมาย

4. Challenge – การสร้างความท้าทายให้ทีมได้คิดและทำสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ

 

การดูแลทีมในช่วงโควิดนี้ โอกาสมาเจอกันจะน้อยลง บริษัทช่วยสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานให้ทีมสามารถทำงานแบบออนไลน์ เพื่อให้งานทุกอย่างสามารถเดินต่อไปได้โดยเกิดอุปสรรคน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดการลงทุนที่ยั่งยืน

 

SCGP ดำเนินงานภายใต้แนวคิด ESG เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยนำเอาประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนพื้นฐานมาเป็นตัวกำหนดทิศทาง และปรับสมดุลให้เกิดขึ้น ซึ่งพี่แสงได้ถ่ายทอดแนวคิดและการนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้าใจมากขึ้น

 

“เราต้องสร้างความสมดุลภายใต้แนวคิด ESG ใน 3 มิติ คือ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ในมิติด้านสิ่งแวดล้อม เราต้องทำให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อากาศ หรือของเหลือใช้จากกระบวนการผลิต ต้องบริหารการใช้งานอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

“มิติด้านสังคม เราต้องดูแลทั้งลูกค้า คู่ค้า รวมไปถึงพนักงานและชุมชนใกล้เคียง เราต้องใส่ใจ พูดคุย แลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้เห็นถึงแนวทางที่จะทำงานร่วมกัน ต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้ว ชุมชนต้องการพัฒนาเรื่องอะไร แล้วเอาสิ่งที่เราถนัดไปเสริมให้เกิดการพัฒนาตามความต้องการของชุมชน เช่น ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ชุมชนมีสินค้าอยู่แล้ว เราเข้าไปช่วยหาช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายให้ สร้างรายได้แก่ชุมชน

 

“นอกจากนี้ เราดูแลโรงงานให้มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ เพื่อการอยู่ร่วมกับชุมชนได้ดียิ่งขึ้น เหมือนกับเราอยู่บ้าน ก็ต้องสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน สิ่งเหล่านี้จะทำให้องค์กรสามารถเติบโตและพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน

 

“มิติสุดท้ายคือ การทำงานแบบบรรษัทภิบาล ที่ต้องบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและต่อยอดนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้านการพัฒนาสินค้าหรือปรับปรุงกระบวนการการผลิต เราก็ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้าของเราตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น บรรจุภัณฑ์เพื่อบรรจุสินค้าเกษตร ให้คงคุณภาพและความสุดของสินค้า”

 

หาความรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

“สำหรับพี่ หลักคิดในการพัฒนาตัวเองที่ใช้มาโดยตลอดคือ เราต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมอยู่เสมอ ทั้งจากอินเทอร์เน็ต ผู้มีประสบการณ์ หรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อหามุมมองในด้านอื่นมาเสริม ช่วยปรับและเติมเต็มวิธีการทำงานของเราให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทุกวันหลังเลิกงานพี่จะทบทวนสิ่งที่เราทำไปในวันนี้ มีอะไรที่เราคิดว่าทำได้ดีและอะไรที่ยังพัฒนาได้อีกและเอามาปรับปรุงการทำงานในวันต่อ ๆ ไป จะทำให้เราพัฒนาการทำงานอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดครับ”

 

การทำงานในปัจจุบัน Data Analytic และ Automation เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้งานสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว

 

“ส่วนการทำงานให้มี Speed ที่รวดเร็วขึ้นควบคู่ไปกับคุณภาพที่ดี เราต้องใช้ Data มาวิเคราะห์โดยใช้หลักของ Automation เข้ามาเสริม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Machine Learning หรือ AI สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราสามารถต่อยอดการผลิตและบริการต่าง ๆ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการนำนวัตกรรมเข้ามาเสริมจะช่วยให้เกิดสิ่งใหม่กว่าที่เคยทำ

 

“ท้ายสุดนี้ พี่ๆ ขอฝากพวกเราทุกคนให้ร่วมมือกัน ลงมือทำเป็นทีมอย่างเอาจริงเอาจังและต่อเนื่อง เพื่อให้งานทุกอย่างประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไปด้วยกันนะครับ”

Leave a comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *