“เวลา” เป็นเครื่องพิสูจน์สิ่งต่าง ๆ ได้ดีเสมอ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและเติบโตทางธุรกิจมาหลายช่วงเวลาความเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่ดีระหว่างบริษัททั้งฮั่วซิน จำกัด กับ SCGP ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึงสามทศวรรษ โอกาสนี้ เราได้รับเกียรติจากคุณพีระพงษ์ ทังเกษมวัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัททั้งฮั่วซิน พริ้นติ้ง เน็ทเวอร์ค จำกัด และบริษัททีพีเอ็น แพคเกจจิ้ง จำกัด ภายใต้ทั้งฮั่วซิน กรุ๊ปสละเวลามาร่วมแชร์แนวคิดและประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ที่ทำให้ทั้งฮั่วซินกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่อย่างทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว
ก่อนที่ธุรกิจจะเติบโต๋จนกลายเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ที่พร้อมรองรับความต้องการทุกรูปแบบได้นั้น คุณพีระพงษ์เล่าว่า ทั้งฮั่วซินมีจุดเริ่มต้นคล้ายกับหลายธุรกิจคือ การหมั่นมองหาโอกาสทางธุรกิจแล้วลงมือทำ
“ย้อนไปราว ๆ ปี 2496 เป็นช่วงที่ธุรกิจโรงพิมพ์กำลังบูม ตลาดมีความต้องการงานพิมพ์สูงมาก ถึงขนาดที่ส่งงานลูกค้าไม่ทัน ทำให้คุณพ่อเห็นโอกาสทางธุรกิจ และเกิดความคิดที่จะเปิดโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง ทั้งฮั่วซินจึงเริ่มเปิดโรงพิมพ์แห่งแรก โดยตั้งอยู่ที่วงเวียน22 กรกฎาคม ย่านเยาวราช รับงานพิมพ์ประเภทฉลากสินค้า ใบแทรกสมุดจด ใบเสร็จ ใบสั่งซื้อ นามบัตร ปฏิทินแบบฉีก รวมถึงการ์ดสำหรับงานพิธีต่าง ๆ และงานพิมพ์เอกสารทั่วไป วิธีการพิมพ์ยังเป็นแบบดั้งเดิมอยู่เลย”
นับจากนั้นมา ก็ค่อย ๆ เติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมไทย ที่มีการขยายตัวตามแรงผลักดันของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อุตสาหกรรมอาหารกระป๋องกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งฮั่วซินถือเป็นโรงพิมพ์บรรจุภัณฑ์รายแรก ๆ ที่เข้าไปตอบโจทย์ กระทั่งเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคของ Flexible Packaging ก็ได้ขยายบริการไปสู่โอกาสต่าง ๆ พร้อมทั้งปรับปรุงและขยายธุรกิจในเครือออกไปอีกหลายส่วน จนกลายมาเป็นโรงพิมพ์บรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่เป็นหนึ่งทางเลือกในใจของลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบัน
“เทคโนโลยีสีเขียว” ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งฮั่วซินพัฒนาคุณภาพของสินค้าอย่างต่อเนื่อง และใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยในกระบวนการผลิต ทั้งยังผ่านการทดสอบมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมจากหลายสถาบัน ขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นและใส่ใจในการสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้น ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมีเป้าหมายในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภค
“เป้าหมายของเราคือ การเป็นผู้ผลิตที่ไม่สร้างมลภาวะให้โลกมากเกินไป เราจึงส่งเสริมเรื่องเทคโนโลยีสีเขียวอย่างจริงจัง หรือแม้แต่การเป็นธุรกิจที่ไม่สร้างขยะแก่โลก เรื่องนี้คือจุดแข็งในการเข้าถึงลูกค้า ลูกค้ารายใหญ่ระดับองค์กรตระหนักเรื่องเหล่านี้ค่อนข้างมาก ลูกค้าของเราเกือบทั้งหมดเป็นลูกค้าในประเทศ สัดส่วนยอดขายเป็นสินค้าประเภท Soft Packaging หรือ Flexible Packaging ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการค่อนข้างสูง
“ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดทวีความรุนแรงขึ้น เราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เช่น การจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง เพื่อหาโอกาสส่งเสริมธุรกิจให้ทันสมัย ตอบโจทย์ได้ตรงตามข้อกำหนดหรือความต้องการของลูกค้า และเรื่องของพาร์ตเนอร์ เรามี SCGP เป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้านวัตถุดิบ มีซัพพลายเออร์ด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งพัฒนาความร่วมมือถึงระดับที่ส่งเสริมเกื้อกูลกัน หลักการคือ มีการแซร์เทคโนโลยีและกลยุทธ์ร่วมกันอยู่เสมอ ทำให้เราติดตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ทันเวลาช่วยกันสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ การมีพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้องค์กรเรามีความแข็งแกร่งมากขึ้น หูตากว้างขึ้น รู้เท่าทันสถานการณ์ได้รวดเร็วขึ้น
“วันนี้เรามีจุดแข็งในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ระดับหนึ่งแล้ว อนาคตเรามองหาโอกาสหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงการหาพาร์ตเนอร์มาเสริมจุดแข็งของเราอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจอื่น เราก็ยังมองหาโอกาสอยู่ตลอดว่า อะไรบ้างที่จะมาเสริมทัพให้ธุรกิจและทำให้ผลิตภัณฑ์เรามีความหลากหลายและเติบโตยิ่งขึ้น”
พาร์ตเนอร์ที่ดูแลกันอย่างเข้าใจ
ความร่วมมือระหว่างทั้งฮั่วซินกับ SCGP นั้นก่อตัวขึ้นมานานหลายทศวรรษ ผ่านการสื่อสารอย่างต่อเนื่องและการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพและไม่หยุดพัฒนา โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้การเป็นพาร์ตเนอร์ราบรื่นและต่อเนื่องยาวนานคือ การดูแลกันอย่างเข้าใจ
“SCGP ช่วยดูแลเรื่องวัตถุดิบกระดาษ Duplex เป็นหลัก ต่างฝ่ายต่างช่วยกันต่อยอดธุรกิจ ร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องต่าง ๆ ทำให้การทำงานรวดเร็ว รวมถึงการลดต้นทุน จนถึงปัจจุบันก็น่าจะราว 30 ปีแล้วที่ SCGP ดูแลเรา ที่ผ่านมาแม้จะมีวิกฤติ แต่เราก็ได้รับการซัพพอร์ตที่ดีมาตลอด ล่าสุดคือสถานการณ์โควิด 19 ซึ่งเกิดปัญหาในซัพพลายเชนทั้งหมด แต่กับ SCGP พบปัญหาน้อยมาก เพราะมีการสื่อสารกันตลอด หรือพอเขารู้สถานการณ์ของเรา เขาก็ช่วยจัดการอย่างเต็มที่ เปลี่ยนความยากลำบากที่เจอให้ง่ายขึ้น อีกอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าไม่ได้เจอง่าย ๆ คือ SCGP เป็นองค์กรที่มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง คนที่ดูแลเราเมื่อ 30 ปีที่แล้วกับคนที่ดูแลอยู่ ณ ตอนนี้ก็ยังรู้จักกันอยู่ ทั้ง ๆ ที่คนที่ดูแลผมเมื่อ 30 ปีที่แล้วไม่ได้อยู่วงการนี้แล้ว แสดงถึงความต่อเนื่องในการบริหาร รู้จักลูกค้าอย่างลึกซึ้ง แม้แต่คนรุ่นใหม่ก็ยังรู้จักลูกค้ารุ่นเก่าเป็นอย่างดี นับเป็นจุดแข็งของเขาเลยครับ
“การทำธุรกิจระหว่างกัน ผมคิดว่า SCGP ดูแลเราอย่างดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่น ปัญหาทางเทคนิคหรือคุณภาพกระดาษนั้นเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้จะสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ก็ต้องช่วยกันพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ครับ”