จากเทรนด์ “ซาลาเปาลาวา” ที่เกิดขึ้นในฮ่องกง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณปริญญ์ สุขสมิทธิ์ เจ้าของและผู้ก่อตั้งร้าน “Phoenix Lava” เกิดแนวคิดและแรงบันดาลใจที่จะทำซาลาเปาแบรนด์ของคนไทย และตั้งเป้าเปิดสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงขยายแฟรนไชส์ในภูมิภาคเอเชีย
ทำไมถึงต้อง Phoenix Lava
คุณปริญญ์ สุขสมิทธิ์ เริ่มต้นเล่าที่มาของซาลาเปา Phoenix Lava ด้วยการพาเราย้อนไปสมัยที่เขาและน้องชายยังทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น พวกเขาใช้เวลาว่างจากการทำงานปรับสูตรซาลาเปาร่วมกัน รวมถึงศึกษาตลาดของประเทศไทยไปพร้อมกัน
หลังจากศึกษาก็พบว่า คนส่วนใหญ่มักซื้อซาลาเปาไปเป็นของฝากเป็นของว่างในงานจัดประชุม เป็นชุด Snack Box สำหรับงานจัดเลี้ยง ฯลฯ ควบคู่ไปกับการลงพื้นที่สำรวจร้านซาลาเปากว่า 300 ร้านในกรุงเทพฯ ทำให้เขาตัดสินใจวางจุดยืนให้กับแบรนด์ด้วยการเป็น “ซาลาเปาแห่งการให้” ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Phoenix Lava” สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงของวงการ ซาลาเปาด้วยนก Phoenix แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ ๆ
“ผมโชคดีที่น้องชายและทีมมีความรู้ด้าน Food Science เราจึงเริ่มต้นจากการทำซาลาเปาลาวาก่อน ต่อมาก็ได้ทำติ่มซำเพิ่ม เพราะถือเป็นอาหารชุดเดียวกับซาลาเปา ก่อนที่จะพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้นเช่น ซาลาเปาที่พร้อมอุ่นทานในไมโครเวฟ”
ปัจจุบันร้าน Phoenix Lava มีสาขาในประเทศ 7 สาขา แฟรนไชส์3 สาขา และในต่างประเทศอีก 2 สาขา ที่มาเก๊า ประเทศจีน
ใส่ใจในแพคเกจจิ้ง
นอกจากพิถีพิถันเรื่องการคัดเลือกวัตถุดิบเพื่อให้ได้รสชาติซาลาเปาที่ดีที่สุดแล้ว Phoenix Lava ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างเอกลักษณ์และการจดจำแบรนด์ด้วย ตั้งแต่การเลือกใช้สีเหลืองใช้กล่องที่มีขนาดความยาว 37.5 เซนติเมตรเพื่อให้ใส่ตู้เย็นได้พอดี ติดสติกเกอร์ระบุรสชาติซาลาเปาไว้ที่ด้านหลังซอง เรียกว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า
นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงการส่งมอบสินค้าและบริการ เพื่อคงคุณภาพสินค้าเช่นเดียวกับการมาซื้อที่หน้าร้าน โดยบริการส่งสินค้าจะเน้นความรวดเร็วและมีค่าบริการที่คุ้มค่าที่สุด
โควิด-19 ดันยอดพุ่ง
จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 สาขาของ Phoenix Lava ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าต้องปิดทำการไป 4 สาขา เพื่อปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ และเพื่อสร้างยอดขายให้กลับมา เขาจึงใช้วิธีเปิดสาขาขึ้นมาทดแทนด้วยการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด
ทางเลือกที่ได้คือการเช่าพื้นที่ในโซนที่ยังไม่มีสาขา และเช่าอาคารพาณิชย์ เพื่อทำเป็น Cloud Kitchen เพื่อกระตุ้นยอดขาย Delivery ซึ่งในปัจจุบัน Phoenix Lava มีสัดส่วน Delivery มากถึง 45 เปอร์เซ็นต์ การมีหน้าร้านในโลเกชั่นที่มีคนผ่านเยอะอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายอีกต่อไป เมื่อเทียบกับการมีหน้าร้านในทำเลที่ค่าเช่าพื้นที่ถูกลง สร้างยอดขายหน้าร้านได้ระดับหนึ่ง แต่สามารถ Delivery ให้ลูกค้าในโซนนั้น ๆ ได้อย่างกว้างขวางกว่า
เป้าหมายของการทำธุรกิจในปีนี้ คือ การช่วยให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลสามารถสั่งซื้อ Phoenix Lava ด้วยค่าส่งเพียง 10 บาท และขยายจุดส่งที่เป็น Cloud Kitchen เพิ่มขึ้น ก่อนที่ในปี 2564 จะขยายแฟรนไชส์ออกไปยังจังหวัดต่าง ๆ เช่น ชลบุรี ระยอง จันทบุรี เป็นต้น