Flint Paper Battery
แบตเตอรี่กระดาษ นวัตกรรมปฏิวัติโลกพลังงานสีเขียว

“แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน” เก็บพลังงานดี แต่ส่งผลกับสิ่งแวดล้อม

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ประกอบด้วยโลหะสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ ลิเธียม โคบอลต์ และนิกเกิล​ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัด อีกทั้งกระบวนการสกัดแร่จากการทำเหมือง ต้องใช้ทรัพยากรและก่อมลภาวะ อาทิ ข้อมูลจากเว็บไซต์ euronews ชี้ว่า การสกัดลิเธียมจากน้ำเกลือโดยใช้บ่อพักน้ำแบบระเหย ต้องใช้น้ำปริมาณ 21 ล้านลิตรต่อวันต่อการผลิตลิเทียม 1 ตัน และในกระบวนการถลุงแร่ต้องใช้สารเคมีหลายชนิด ทำให้เกิดฝุ่นละอองเป็นจำนวนมาก เป็นต้น

ด้านความปลอดภัยยังพบความเสี่ยง หากอุปกรณ์เสื่อมสภาพหรือจัดเก็บไม่เหมาะสม อาจเกิดการระเบิด ไฟไหม้ลัดวงจร หรือได้รับสารพิษจากการเผาไหม้ รวมทั้งขยะแบตเตอรี่ที่ไม่ได้รับการจัดการที่ดี อาจทำให้สารประกอบรั่วไหลส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตได้

“แบตเตอรี่กระดาษ” คำตอบใหม่ที่ยั่งยืน

ด้วยความตั้งใจเปลี่ยนโลกไปสู่การใช้พลังงานสีเขียวที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้จริง Carlo Charles ผู้ก่อตั้งร่วมและ CEO ของ Flint ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาแบตเตอรี่กระดาษเผยว่า ทีมใช้วิธีนำวัสดุหมุนเวียนที่ปราศจากเคมีอันตรายคือ สังกะสี แมงกานีส ไฮโดรเจลและกระดาษเซลลูโลส มาใช้ผลิตแบตเตอรี่โครงสร้างเดียวกับการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม และมีข้อดีอีกหลายประการ

1. ต้นทุนการผลิตต่ำ คาดว่าต้นทุนต่ำกว่าเดิม 10 เท่า ซึ่งจะช่วยเร่งให้ธุรกิจหันมาสนใจการใช้พลังงานสีเขียวเพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้
2. ปลอดภัยสูง ออกแบบให้ทนทานต่อความเสียหายเชิงกล ไม่ติดไฟ ไม่ระเบิด และใช้อิเล็กโทรไลต์ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบพื้นฐาน ไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนสูงจากการชาร์จใช้งานซ้ำ
3. ย่อยสลายได้ 100% ผู้ใช้สามารถฉีกซองสุญญากาศแล้วปล่อยให้แบตเตอรี่สัมผัสกับองค์ประกอบตามธรรมชาติได้ แบตเตอรี่จะย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติภายใน 6 สัปดาห์
4. เบา ยืดหยุ่น ลักษณะเฉพาะของแบตเตอรี่เป็นกึ่งของแข็ง มีน้ำหนักเบา สามารถประยุกต์ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย โดยไม่กระทบกับรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์

ปัจจุบันแบตเตอรี่กระดาษมีประสิทธิภาพด้านความจุและอายุการใช้งานราว 60% ของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แต่ล่าสุด Flint ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงเชื่อว่าแบตเตอรี่แห่งอนาคตคงเร่งฝีเท้ามาเขย่าวงการพลังงานได้ในอีกไม่นานเกินรอ

Source: www.madebyflint.co/www.kr-asia.com/www.euronews.com