สังเกตไหมว่าช่วง 10-20 ปีให้หลังมานี้โลกของเราพัฒนาไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาขับเคลื่อนวิถีชีวิตของมนุษย์ให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงา และในอนาคตโลกเราจะยิ่งพลิกโฉมไปชนิดที่เรียกได้ว่าเทคโนโลยีในวันนี้อาจจะล้าหลังไปทันที
“Neurotech” ควบคุมทุกอย่างได้ด้วยความคิด
Neurotechnology คือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา วิเคราะห์ และโต้ตอบกับระบบประสาทและสมองของมนุษย์ โดยใช้วิทยาการด้านประสาทวิทยา (Neuroscience) ร่วมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิทยาการหุ่นยนต์ และอินเทอร์เฟซสมองกับคอมพิวเตอร์ (Brain-Computer Interface หรือ BCI) โดยปัจจุบัน Neurotech มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและถูกนำไปใช้ ในหลากหลายด้าน เช่น “Neuralink” ของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ที่พัฒนา Neural Implants หรือชิปฝังสมอง ที่ช่วยให้สมองสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต การนำ Neurotech ไปใช้ทางด้านการแพทย์และสุขภาพ อย่างการพัฒนา BCI เชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสามารถควบคุมแขนกลหรือพิมพ์ข้อความได้ด้วยสัญญาณสมอง รวมถึงการนำไปพัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถวิเคราะห์ภาวะเครียด ซึมเศร้า หรืออารมณ์ของบุคคลผ่านสัญญาณสมอง เพื่อศึกษาอาการที่เกิดจากสภาพจิตใจด้วย นอกจากนี้ยังนำไปใช้พัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยกระตุ้นสมองเพื่อเพิ่มสมาธิ ความจำ ประสิทธิภาพการเรียนรู้ ตลอดจนพัฒนาเกมที่ควบคุมด้วยสมอง เช่น เกม VR ที่ใช้สัญญาณสมองควบคุมตัวละคร เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านี้ ในอนาคตคาดการณ์ว่าจะมีการพัฒนาสมองเชื่อมต่อ AI เป็น Hybrid Intelligence ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์ประมวลผลข้อมูลได้เร็วขึ้น รวมถึงการพัฒนาไปสู่ Mind-Reading Tech หรือเทคโนโลยีอ่านความคิด ที่สามารถอ่านและแปลสัญญาณสมองเป็นข้อความหรือคำสั่งได้โดยตรง นับได้ว่า หาก Neurotech พัฒนาสำเร็จและถูกนำมาใช้จริง จะเปลี่ยนแปลงโลกของเราไปอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัย ที่หลายฝ่ายมองว่า Neurotech และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลสมองมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮ็กได้ หากไม่มีกฎหมายป้องกันอย่างจริงจังและเข้มงวด
“Telepathic Transaction” ต่อยอด Neurotech ทำธุรกรรมผ่านความคิด
หนึ่งในประเด็นที่ทำให้ Neurotech ถูกจับตาอย่างมากคือ การพัฒนาสู่การทำธุรกรรมผ่านความคิด โดยไม่ต้องใช้มือหรืออุปกรณ์สัมผัส ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจในแวดวง Fintech มาพักใหญ่ โดยมีการศึกษารูปแบบการทำธุรกรรมผ่านสัญญาณสมองหลายแนวทาง เช่น การนำ Brain-Computer Interface (BCI) ที่สามารถอ่านและแปลสัญญาณสมองให้เป็นคำสั่งควบคุมคอมพิวเตอร์หรือ อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ไปใช้ในธุรกรรมทางการเงิน Telepathic Payment การสั่งจ่ายเงิน ผ่านความคิด ซึ่งจะต้องมี Digital Wallets ที่สามารถสั่งจ่ายเงินผ่านสัญญาณสมอง และการใช้ BCI ควบคู่กับบล็อกเชนเพื่อสร้างระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้
ถึงแม้ปัจจุบันยังไม่มี Telepathic Transaction แต่คาดการณ์กันว่า ใน 10 – 20 ปี ข้างหน้าอาจมีการทดลองใช้งาน Telepathic Payment และเมื่อถึงเวลานั้นต้องคำนึงถึงเงื่อนไขด้านความปลอดภัยอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะการอ่านคลื่นสมองที่อาจนำไปสู่การทำธุรกรรมโดยไม่ตั้งใจ และการถูกแฮ็กที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงต้องมีกฎหมายคุ้มครองการทำธุรกรรมผ่านความคิดมารองรับ
ตัวอย่างการพัฒนา Neurotech ไปใช้ในด้านต่าง ๆ
คอลัมน์ Digital planet จาก a LOT Vol.35