SCGP ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Duy Tan ในเวียดนาม
ต่อยอดความหลากหลายด้านบรรจุภัณฑ์ ตอบสนองดีมานด์ในภูมิภาคอาเซียน
SCGP ขยายการลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยเข้าถือหุ้น (Merger and Partnership : M&P) ร้อยละ 70 ใน Duy Tan ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์พลาสติกคงรูปในประเทศเวียดนาม เสริมศักยภาพการผลิตที่หลากหลายและครบวงจร รองรับการขยายตลาดภายในประเทศและภูมิภาคอาเซียน
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย ธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ และบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว เพื่อเพิ่มศักยภาพและความหลากหลายของบรรจุภัณฑ์ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในประเทศเวียดนามและภูมิภาคอาเซียนที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนร่วมมือกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายตลาดในเวียดนามและตลาดส่งออก
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 SCGP ได้เข้าถือหุ้นร้อยละ 70 ใน Duy Tan Plastics Manufacturing Corporation (Duy Tan) ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปในเวียดนาม ตามการเข้าทำสัญญาซื้อหุ้นตามที่ได้เปิดเผยสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 โดยได้ชำระเงินสำหรับการเข้าถือหุ้นร้อยละ 70 โดยแบ่งการชำระค่าหุ้นออกเป็นงวดแรกจำนวน 3,630 พันล้านดอง (ประมาณ 5,170 ล้านบาท) และจะชำระค่าหุ้นงวดที่ 2 โดยพิจารณาจากผลประกอบการส่วนเพิ่มของ Duy Tan สำหรับงวดปีบัญชี 2563 และ 2564 ซึ่งเมื่อรวมกับเงินที่ชำระในงวดแรกแล้ว จะเป็นเงินไม่เกิน 6,400 พันล้านดอง (ประมาณ 9,120 ล้านบาท) ทั้งนี้ ธุรกรรมข้างต้นจะดำเนินการผ่าน SCGP Rigid Packaging Solutions Pte. Ltd. (“SCGPRS”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมดและ SCGP จะเริ่มรับรู้ผลประกอบการของ Duy Tan ในงบการเงินรวมเดือนสิงหาคม 2564
ปัจจุบัน Duy Tan เป็นผู้ผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูป (Rigid Packaging) ชั้นนำในประเทศเวียดนาม ด้วยฐานการผลิต 5 แห่ง โดยมีทั้งลูกค้ากลุ่ม B2B ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคแบรนด์ชั้นนำในประเทศเวียดนาม และลูกค้ากลุ่ม B2C ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ในบ้านภายใต้แบรนด์ Duy Tan เช่น อุปกรณ์และภาชนะบรรจุอาหาร ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ผ่านช่องทางร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง และซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในประเทศเวียดนาม ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา (ไตรมาสที่ 3/2563 – ไตรมาสที่ 2/2564) มีรายได้ประมาณ 5,025 พันล้านดอง (ประมาณ 7,170 ล้านบาท) มีกำไรสุทธิหลังหักภาษีประมาณ 650 พันล้านดอง (ประมาณ 930 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์ประมาณ 5,000 พันล้านดอง (ประมาณ 7,130 ล้านบาท)
“การลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้ SCGP สามารถนำเสนอบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มฐานลูกค้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้ อีกทั้งยังจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนจุดแข็งในการดำเนินงาน เทคโนโลยี และการใช้ทรัพยากรร่วมกัน รวมทั้งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ SCGP ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกในประเทศเวียดนาม” นายวิชาญ กล่าว