บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนับเป็นอีกหนึ่งเมนูคลายหิวจานด่วนที่เดินทางมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ เราได้เห็นพัฒนาการทั้งทางด้านรสชาติที่แต่ละแบรนด์สร้างสรรค์ ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่แบบซอง มาจนถึงแบบถ้วยที่ถือรับประทานที่ไหนก็ได้ เพียงแค่เปิดฝาเติมน้ำร้อน
ในโอกาสนี้ คุณพจนารถ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทย อันเป่า ผลิตภัณฑ์กระดาษ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตถ้วยกระดาษที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ได้สละเวลาจากงานบริหารมาบอกเล่าถึงจุดเริ่มต้น แนวคิด และการเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกับ SCGP
เริ่มต้นจากความร่วมมือ
“บริษัทไทย อันเป่า ผลิตภัณฑ์กระดาษ จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2547 โดยการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทไทย เพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์มาม่า กับบริษัทอันเป่า ประเทศจีน ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งในขณะนั้น ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์มีแนวคิดที่ต้องการจะเปลี่ยนถ้วยบะหมี่ที่ใช้กับสินค้ากลุ่มมาม่าคัพ โจ๊กคัพ ไปเป็นวัสดุที่ตอบโจทย์เรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และต้องปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งแต่เดิมนั้นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเริ่มต้นวางตลาดด้วยการใช้ถ้วยแบบพลาสติก
“หลังจากการร่วมทุน ไทย อันเป่า จึงได้นำเทคโนโลยีการผลิตถ้วยกระดาษเพื่อบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบ 2 ชั้น (Double Wall) จากอันเป่า ประเทศจีนมาใช้ ขณะเดียวกันก็นำเอาระบบประกันคุณภาพอาหารจากไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์มาปรับใช้ในกระบวนการผลิตถ้วยกระดาษ นับเป็นผู้ผลิตถ้วยกระดาษสำหรับบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายแรกในประเทศไทยค่ะ”
ผลิตภัณฑ์สัมผัสอาหาร มาตรฐานต้องมาก่อน
“ตัวถ้วยกระดาษที่เราผลิตนั้นทำจากกระดาษซ้อนกัน 2 ชั้น เพื่อป้องกันความร้อน เวลาที่ผู้บริโภคใช้งานจะสามารถถือได้โดยไม่ร้อนมือ โดยกระดาษชั้นในซึ่งเป็นส่วนที่สัมผัสอาหาร จะใช้กระดาษ Cupstock ซึ่งเป็นกระดาษเคลือบด้วยพลาสติก PE ที่ทนความร้อน เหมาะสำหรับใช้บรรจุอาหารโดยเฉพาะ (Food Grade) ส่วนชั้นนอกจะหุ้มด้วยกระดาษ Duplex เพื่อพิมพ์โลโก้ แบรนด์ และรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้าได้อย่างชัดเจน มีสีสันสวยงาม ซึ่งถ้วยกระดาษจะต้องผ่านการทดสอบความแข็งแรง ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับนำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร”
“ไม่เพียงแค่สินค้าคุณภาพที่ใช้สำหรับแบรนด์ชั้นนำอย่างมาม่าเท่านั้นไทย อันเป่า ยังผลิตถ้วยกระดาษหลากหลายขนาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ทั้งประเภทถ้วยกระดาษใส่บะหมี่และซุปชนิด Double Wall และถ้วยกระดาษสำหรับเครื่องดื่มร้อน ทั้งแบบ Single Wall และ Double Wal! ซึ่งที่ผ่านมาไทย อันเป่า เป็นผู้ผลิตถ้วยกระดาษให้กับแบรนด์ชั้นนำอีกหลายต่อหลายแบรนด์ด้วยกัน
“จุดเด่นที่ทำให้เราเป็นตัวเลือกสำคัญในใจลูกค้าคือ เราผลิตถ้วยกระดาษที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากลทั้ง ISO 9001, FSSC 22000, GHP และ HACCP ซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้าแบรนด์ชั้นนำมีความมั่นใจในสินค้าและนำไปใช้ในธุรกิจ ขณะเดียวกัน เรามีความคล่องตัว เรามีการบริการที่รวดเร็ว เพื่อไม่ให้เสียโอกาสที่ได้รับเข้ามา และก็สามารถตอบโจทย์ในสถานการณ์ปัจจุบันด้วย
“แนวคิดหรือกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของไทย อันเป่า ที่สำคัญที่สุดคือ ความซื่อสัตย์ต่อคู่ค้า เราทำธุรกิจแบบ win-win เราไม่เอาเปรียบคู่ค้า ทั้งลูกค้า Supplier ผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงพนักงาน เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันขณะเดียวกันเราก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาและหาโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจอยู่เสมอ
“ถัดจากนี้ ทางบริษัทฯได้วางแผนในการใช้ระบบ Automation ในกระบวนการผลิตเพิ่มมากขึ้น โดยนำเอาระบบสายพานเข้ามาใช้ในการผลิต เพื่อใช้แรงงานคนให้น้อยลง และช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนของ AI จะเข้ามาช่วยเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญของการผลิตในแต่ละวัน เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมองเรื่องการขยายไลน์ผลิต ในกรณีที่ลูกค้าต้องการเพิ่มปริมาณสินค้า หรือรูปแบบสินค้าที่หลากหลายนอกเหนือจากที่มีอยู่ เราก็ยินดีที่จะลงทุนเพิ่มเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น”
จากความเชื่อมั่นสู่การเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ
“จากเดิมไทย อันเป่า ใช้การนำเข้าวัตถุดิบกระดาษ Cupstock จากต่างประเทศร้อยเปอร์เซ็นต์ จนกระทั่งทางผู้บริหารได้มีแนวคิดที่จะลดการนำเข้าวัตถุดิบชนิดดังกล่าว และเชื่อมั่นว่า SCGP มีศักยภาพที่จะผลิตกระดาษ Cupstock ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศได้จึงได้เกิดความร่วมมือกันพัฒนากระดาษจนสำเร็จตามที่เราต้องการใช้งาน และก็เป็นพาร์ตเนอร์กันเรื่อยมา
“เราประทับใจ SCGP เพราะว่าทีมงานมีความรู้ ความสามารถ มีการบริการที่ดี เมื่อพบว่าสินค้ามีปัญหา เราจะได้รับทราบสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาที่ร่วมงานกันมา SCGP รับฟังความคิดเห็น อีกทั้งให้ความรู้ เสนอแนวทางใหม่ ๆ มีการอัปเดตข้อมูลให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ทำให้รู้สึกว่าที่ผ่านมาเราเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจต่อกันมากกว่าที่จะเป็น Supplier หรือ Customer
“ในอนาคตเราก็อยากให้ SCGP ให้ความร่วมมือและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับไทย อันเป่า เติบโตยิ่งขึ้นยังเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีอย่างนี้ต่อไปค่ะ” คุณพจนารถกล่าวทิ้งท้าย